ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ฉบับใหม่ เป็นกฎหมายที่เข้ามาแทนภาษีโรงเรีอนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ โดยภาษีที่ดินใหม่นี้มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ มีนาคม 2562 และเริ่มจัดเก็บตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 เป็นต้นมา
วัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนและแก้ไขปัญหาภาษีที่ดินเดิม กระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดิน กระจายความเจริญสู่พื้นที่ท้องถิ่น ช่วยลดความเลื่อมล้ำในสังคมและลดปัญหาผู้ที่ถือที่ดินเพื่อเก็งกำไร อย่างไรก็ตามการเก็บภาษีที่ดินแบบใหม่จะทำให้รายได้ของรัฐเพิ่มขึ้นจากเดิม
รัฐบาลออกมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อช่วยลดภาระของประชาชนจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ถึง 90% ซึ่งผู้เสียภาษีจะจ่ายเพียง 10% ของยอดชำระที่คำนวณได้
อัตราการจัดเก็บ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ใน 2 ปีแรก
ผู้ที่ต้องเสียภาษีที่ดิน
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะเรียกเก็บจากบุคคลต่อไปนี้
- เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง
- ผู้ครอบครองทรัพย์หรือทำประโยชน์ในทรัพย์สินของรัฐ
- เจ้าของห้องชุดหรือคอนโดมิเนียม
การคิดคำนวณ สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้กับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบบใหม่ที่มีความซ้ำซ้อนมากกว่าเดิม ซึ่งจะต้องคิดแยกกันระหว่างที่ดินกับสิ่งปลูกสร้าง (อาคาร,บ้าน) โดยจะคิดจากราคาประเมินและราคาของพื้นที่ประเมินเป็นหลัก เราสามารถคำนวณราคาภาษีที่ต้องจ่ายแบบขั้นบันไดตามมูลค่าของฐานภาษีดังนี้
- มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง – มูลค่าของฐานภาษีที่ได้รับการยกเว้น = มูลค่าของฐานภาษี
- มูลค่าของฐานภาษี x อัตราภาษี = ค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
เพื่อเป็นบรรเทาภาระทางภาษี จึงมีการกำหนดบทเฉพาะการการจัดเก็บภาษีในช่วง 2 ปีแรก ปี 2563 – 2564 ดังนี้
1. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ประกอบเกษตรกรรม
- มูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 75 ล้านบาท เก็บภาษี 0.01%
- 75-100 ล้านบาท จัดเก็บ 0.03%
- 100-500 ล้านบาท เก็บ 0.05%
- 500-1,000 ล้านบาท เก็บ 0.07%
- เกิน 1,000 ล้านบาท เก็บ 0.1%
2. ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของบุคคลธรรมดาให้เป็นที่อยู่อาศัยมีชื่อในทะเบียนบ้าน
- มูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 25 ล้านบาท จัดเก็บ 0.03%
- 25-50 ล้านบาท เก็บ 0.05%
- เกิน 50 ล้าน บาทขึ้นไป เก็บ 0.1%
3. สิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่อในทะเบียนบ้าน
- มูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 40 ล้านบาท ภาษี 0.02%
- 40-65 ล้านบาท เก็บ 0.03%
- 65-90 ล้านบาท เก็บ 0.05%
- เกิน 90 ล้านบาทขึ้นไป เก็บ 0.1%
4. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย กรณีอื่นนอกจากอยู่อาศัยตามข้อ 2. และ 3.
- มูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 50 ล้านบาท เก็บ 0.02%
- 50-75 ล้านบาท เก็บ 0.03%
- 75-100 ล้านบาท เก็บ 0.05%
- เกิน 100 ล้านบาท จัดเก็บ 0.1%
5. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่นนอกจากเกษตรกรรมและอยู่อาศัย
- มูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 50 ล้านบาท เก็บ 0.03%
- 50-200 ล้านบาท เก็บ 0.4%
- 200-1,000 ล้านบาท เก็บ 0.5%
- 1,000-5,000 ล้านบาท เก็บ 0.6%
- เกิน 5,000 บาทขึ้นไป เก็บ 0.7%
6. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งว่างเปล่า หรือไม่ได้ทำประโยชน์ควรแก่สภาพ เก็บภาษี 0.3-3% ของราคาประเมิน และเพิ่มขึ้น 0.3% ทุก 3 ปี ต่อเนื่อง ไม่เกิน 27 ปี หรือจนกว่าจะมีการใช้ประโยชน์จากที่ดิน
สำหรับผู้ที่เสียภาษีสูงกว่าภาษีโรงเรือนเดิม ให้จ่าย 25%, 50%, 75% ของส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ ส่วนในปีที่ 4 คิดเต็มจำนวน 100%
นอกจากนี้ในปี 2565 เป็นต้นไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีเองได้โดยต้องไม่สูงกว่าอัตราที่กำหนด ดังนี้ เกษตรกรรม อัตราไม่เกิน 0.15% ที่อยู่อาศัย อัตราไม่เกิน 0.3% พาณิชยกรรม อัตราไม่เกิน 1.2% และที่ดินว่างเปล่า อัตราไม่เกิน 1.2% โดยผู้เสียภาษีจะต้องชำระภาษีภายในวันที่ 30 เมษายนของทุกปี
อ่าน ผลกระทบจากการเก็บ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ใหม่ ได้ที่นี้