ความต้องการตลาดวิลล่าภูเก็ตเติบโตอย่างมากหลังเปิดประเทศ ต่างชาติมองเป็นบ้านหลังที่ 2

7057

นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า กลุ่มชาวต่างชาติยังมองหาวิลล่าเพื่อซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 ในขณะที่ชาวต่างชาติบางกลุ่มหันมาเช่าวิลล่ามากกว่าคอนโดมิเนียม โดยกลุ่มต่างชาติเหล่านี้ต้องการพื้นที่ที่เป็น Safe Zone ให้กับตัวเองและครอบครัว ทำให้การปล่อยเช่าวิลล่าในปีที่ผ่านมามีอัตราผลตอบแทนการเช่าสูงถึง 10% ต่อปี อีกทั้งแนวโน้มการเปิดประเทศของจีนจะเป็นโอกาสที่ทำให้วิลล่ามีกลุ่มกำลังซื้อเพื่มขึ้นและยังคงมีการเติบโตได้ดีในปีหน้าทั้งในตลาดซื้อและตลาดเช่า

ภาพรวมตลาด

วิลล่ายังคงเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ซื้อในการอยู่อาศัยและลงทุน หากเทียบสัดส่วนจำนวนของโครงการวิลล่าในภูเก็ตนั้นมีจำนวนมากใกล้เคียงกับโครงการคอนโดมิเนียม ตลาดวิลล่ามีทิศทางที่สดใสและคึกคักจากอุปทานและอุปสงค์ทั้งในแง่การเช่าและการซื้อไว้ครอบครอง โดยปกติจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวในช่วง Hi Season ตลอดทุกปีรวมไปถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียด้วย ซึ่งในปีนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากวิกฤตการณ์สงคราม ทำให้ในหลายประเทศควบคุมการออกวีซ่าให้กับรัสเซีย ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่ได้มีข้อจำกัดวีซ่านี้ ส่งผลให้ภาพรวมตลาดวิลล่าที่ผ่านมามีอุปสงค์มากขึ้น ทำให้โครงการใหม่ทยอยเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าของโครงการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นในภูเก็ต ซึ่งการพัฒนาโครงการนับว่าเป็นโอกาสในการเติบโตที่ดีเพื่อรอกลุ่มตลาดผู้ซื้อหลักชาวจีนที่คาดว่าจะกลับมาในปี พ.ศ. 2566

อุปทาน

อุปทานวิลล่าในภูเก็ต ณ สิ้นปี พ.ศ. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 4,375 หน่วย จำนวนหน่วยขายใหม่เพิ่มในอัตราร้อยละ 8.1 จากปี พ.ศ. 2564 ซึ่งมีจำนวนหน่วยเปิดขายอยู่ที่ 126 หน่วย โดยในปี พ.ศ. 2565 มีอุปทานใหม่เปิดขายจำนวน 328 หน่วย จาก 25 โครงการ โดยวิลล่าที่เปิดขายใหม่ตั้งอยู่เพียง 2 บริเวณเท่านั้น คือ บริเวณเชิงทะเลสูงถึงร้อยละ 85 รองลงมาได้แก่บริเวณบริเวณหาดบางเทาร้อยละ 15 โดยระดับราคาวิลล่าที่เปิดขายใหม่มากที่สุดในปี พ.ศ. 2565 คือระดับราคา 21 – 30 ล้านบาท

Advertisement

อุปสงค์

จากการสำรวจของฝ่ายวิจัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย พบว่าวิลล่าที่ขายได้แล้วในภูเก็ตมีจำนวนทั้งสิ้น 3,595 หน่วย จากจำนวนอุปทานทั้งสิ้น 4,375 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 82.1  อัตราการขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 1.8 โดยในปี พ.ศ. 2564 มีอัตราการขายที่ร้อยละ 80.4 โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ในปีนี้มีทั้งสิ้น 341 หน่วย จากอัตราการขายที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากชาวรัสเซียเดินทางเข้ามามากกว่าปกติจากทั้งภาวะสงครามและที่เข้ามาเที่ยวในช่วง Hi Season รวมทั้งความกังวลในเรื่องของนโยบายของประเทศที่ห้ามไม่ให้เคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศ หรือ (Frozen accounts do not permit any debit transactions.) ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงทำให้กลุ่มชาวรัสเซียบางส่วนเลือกที่จะโยกย้ายเงินเพื่อนำมาเช่าและซื้อวิลล่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำรอง อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่ถูกลงทำให้ช่วยลดระยะเวลาในการตัดสินใจในการซื้อได้เร็วขึ้น ทำให้วิลล่าที่ขายได้ในปีนี้ขายให้กับชาวรัสเซียเกือบ 100%

ในส่วนบริเวณที่มีจำนวนหน่วยขายมากที่สุด 3 อันดับได้แก่ บริเวณเชิงทะเลซึ่งมีหน่วยขายได้อยู่ที่ 195 หน่วย รองลงมาเป็นบริเวณหาดบางเทาซึ่งมีหน่วยขายอยู่ที่ 98 หน่วย ในขณะที่หาดราไวย์มีหน่วยขายได้ที่ 18 หน่วย โดยในปีนี้บริเวณเชิงทะเลเป็นพื้นที่ที่มีการการพัฒนาวิลล่ามากที่สุดแม้จะไม่ได้อยู่ติดหาดก็ตามแต่จุดประสงค์ที่กลุ่มผู้ซื้อให้ความสำคัญคือสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เป็นป่าและเขาทำให้บริเวณนี้มีความเงียบและสงบมาก ซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนตามความชอบของผู้อยู่อาศัยและวิลล่าบริเวณนี้ยังอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติด้วย ซึ่งหากเทียบกับระยะทางบริเวณเชิงทะเลก็เป็นโซนที่ใกล้เมืองง่ายต่อการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก

ในส่วนของระดับราคาขายวิลล่าที่ขายได้ดีในปี พ.ศ. 2565 คือ วิลล่าที่มีระดับราคาขายในช่วง 21 – 30 ล้านบาทต่อหน่วย คิดเป็น ร้อยละ 45 ของจำนวนหน่วยที่ขายได้ในปีนี้ รองลงมาคือวิลล่าที่มีระดับราคาขายอยู่ที่ 10 – 20 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 40

แนวโน้มตลาดวิลล่าในภูเก็ต

ภาพรวมตลาดวิลล่ายังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2566 วิลล่าจะยังคงเป็นที่นิยมและมีแรงสนับสนุนจากชาวต่างชาติ ในกลุ่มที่รักและชื่นชอบการเข้ามาอยู่อาศัยและเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต การพัฒนาวิลล่าใหม่จะมีเพิ่มเข้ามาในตลาดมากกว่าการพัฒนาคอนโดมิเนียม เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อหันมาให้ความสนใจในการซื้อวิลล่าในลักษณะลงทุนปล่อยเช่ามากขึ้น เพราะได้ผลตอบแทนต่อปีที่ค่อนข้างดีมากกว่าคอนโดมิเนียม ฝ่ายวิจัยไนท์แฟรงค์ฯ คาดว่าในปีหน้าการลงทุนวิลล่าจะยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติที่เข้ามายังภูเก็ต และแน่นอนว่ากลุ่มนักลงทุนอย่างอย่างชาวจีนจะกลับมาและพร้อมที่จะเข้ามาซื้อวิลล่าเพื่อไว้เก็งกำไรและอาจจะซื้อมากกว่า 1 หลัง จากค่าเงินที่มากขึ้นของต่างประเทศทำให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนมากกว่าเดิมพราะมั่นใจในตลาดอสังหาฯ ของภูเก็ตที่มีการหมุนเวียนนักท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา

ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินก็ปรับตัวขึ้นมาไม่แพ้กับการเติบโตของวิลล่าเช่นกัน จากการประเมินราคาที่ดินเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8-10% ต่อปี ส่งผลให้ราคาขายของวิลล่าปรับตัวขึ้นตามราคาที่ดิน โดยเฉพาะวิลล่าที่อยู่ติดทะเลบริเวณลากูน่าจะมีราคาที่สูง เนื่องจากปัจจุบันราคาประกาศขายที่ดินต่อไร่อยู่ที่ประมาณ 25 ล้านบาทและที่ดินค่อนข้างเหลือน้อยจึงทำให้การพัฒนาวิลล่ามีการตั้งราคาขายที่ค่อนข้างสูง ในส่วนพื้นที่บริเวณเชิงทะเลจะเป็นที่นิยมในการพัฒนามากขึ้น เนื่องจากที่ดินมีเหลืออยู่มากและอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอีกทั้งยังใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ รวมถึงบรรยากาศที่สงบแวดล้อมไปด้วยภูเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มชาวต่างชาติที่มาอาศัยเป็นครอบครัวเริ่มมองหาบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเหล่านี้ ในช่วงเวลาที่มาพักผ่อนและอยู่อาศัย อย่างไรก็ตามการพัฒนาวิลล่าในภูเก็ตยังต้องพึ่งพาแรงสนับสนุนของกลุ่มต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ตลาดวิลล่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

ดาวน์โหลดเพิ่มเติม คลิก

Advertisement
Haus23
Haus23
Haus23