ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยศักยภาพย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน

691

คุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เผย สภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณลาดพร้าว จตุจักร เกษตร พหลโยธิน มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี อุปทานมีเหลือขายน้อย และซัพพลายในตลาดมีไม่มากเนื่องจากโครงการเปิดตัวในปีที่แล้วน้อย โดยในปี 2016 มีอุปทานใหม่เพียงประมาณ 570 ยูนิตในขณะที่ยูนิตเหลือขายมีอยู่ประมาณ 2,000 หน่วยและจำนวนยูนิตที่มีการขายต่อปีอยู่ประมาณ 2,000-3,000 หน่วย

ณ สิ้นปี 2016มีอุปทานรวมในบริเวณประมาณ 24,900 หน่วย มียอดขายแล้วอยู่ที่ประมาณ 22,800 หน่วย คิดเป็นยอดขายสะสมที่ร้อยละ 91.5 ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายสะสมที่สูง ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากความชัดเจนในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนรถฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ทดลองใช้บริการได้ช่วงต้นปี 2020

รูปภาพที่ 1: อุปทาน และอุปทานใหม่ ตลาดคอนโดมิเนียมบริเวณ ลาดพร้าว จตุจักร เกษตร พหลโยธิน วิภาวดี ปี 2009-2016

Ladprao1

ที่มา: ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย

Advertisement

รูปภาพที่ 2: อุปทาน-อุปสงค์สะสม และอัตราการขายคอนโดมิเนียมบริเวณลาดพร้าว จตุจักร เกษตร พหลโยธิน วิภาวดี

Ladprao2

ที่มา: ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย

 

ระดับราคาขายของคอนโดมิเนียมในพื้นที่ ปัจจุบันพบว่าราคาขายเฉลี่ยโครงการเปิดตัวใหม่ในบริเวณนี้อยู่ที่ตารางเมตรละ 118,146 บาท หากดูราคาโครงการที่เปิดตัวภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในบริเวณมีการปรับตัวสูงขึ้นทุกปี เนื่องจากมีโครงการพัฒนาคอนโดมิเนียมเกรด เอ เพิ่มขึ้นในบริเวณใกล้กับสวนจตุจักร

 รูปภาพที่ 3 ระดับราคาขายโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ในบริเวณลาดพร้าว จตุจักร เกษตร พหลโยธิน วิภาวดี (บาทต่อตารางเมตร)

Ladprao3

ที่มา: ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย

คุณพนม กล่าวเสริมว่า ศักยภาพของทำเลที่มีแนวโน้มการพัฒนาที่ดินและการขยายตัวในเชิงพาณิชย์ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่กำลังก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาที่ดินของการรถไฟบริเวณนิคมรถไฟ กม. 11 ซึ่งเป็นการพัฒนาแบบผสมผสาน ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานและศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติขนาดใหญ่ที่สุดแห่งใหม่ของประเทศไทย โครงการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์บริเวณสภานีรถไฟฟ้าหมอชิตของกรมธนารักษ์ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อสัญญากับผู้รับสัมปทานโครงการ และกลับมาพัฒนาโครงการต่อได้อีก การพัฒนาพื้นที่ 30 ไร่บริเวณตรงข้ามแดนเนรมิตของบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน)และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ทั้งหมดนี้ส่งผลให้บริเวณนี้มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการเพื่ออยู่อาศัยสูงขึ้นอย่างมาก ประกอบกับตลาดที่มีซัพพลายเหลือขายน้อย และอุปทานที่ดินที่มีในตลาดที่จะนำมาพัฒนาได้มีน้อย จึงเป็นโอกาสในการลงทุนสำหรับผู้ซื้อห้องชุดในพื้นที่นั้นในรูปแบบของการลงทุนและอยู่อาศัยเอง เนื่องจากแนวโน้มราคาจะยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

 

 

Advertisement
Haus23
Haus23
Haus23