ห่วงเมกะโปรเจคสะดุดชี้ อีอีซี เอสอีซี เดินตามแผน / EEC SEC
“สมคิด” ชี้หลังเลือกตั้งดันโครงการอีอีซี-เอสอีซี ต่อเนื่อง ระบุหากโครงสร้างพื้นฐานอีอีซีปักหมุดได้เอกชนลงทุนใน 4 โครงการหลัก สามารถเดินหน้าได้ ลุ้นงบปี 2563 เคลื่อนนโยบายเขตเศรษฐกิจภาคใต้เน้นไบโออีโคโนมี
ความคืบหน้าโครงสร้างพื้นฐานหลักในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ในช่วง ปี2561 ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงปีนี้ ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่กำหนดว่ามี.ค. ต้องได้เอกชนมาดำเนินโครงการ ท่าอากาศยานนานาชาติ(อู่ตะเภา) เดือนเม.ย.ศูนย์บำรุงอากาศยาน เม.ย.ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 เดือน มี.ค.ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 เดือน เม.ย. ทั้ง 5 โครงการหลักและโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคใต้ (เอสอีซี)ต่างต้องการการทำงานอย่างต่อเนื่องจากหน่วยสนับสนุนหลักคือรัฐบาล เบื้องต้นประเมินว่าหลังเลือกตั้งแล้วจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่เพื่อไม่ให้โครงการต่างๆ สะดุด
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในระยะเวลา 2-3 เดือนหลังเลือกตั้งตนจะขับเคลื่อนงานเศรษฐกิจที่สำคัญ 2 เรื่องหลักได้แก่การขับเคลื่อนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในอีอีซี และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคใต้ (เอสอีซี) ซึ่งเป็นโครงการที่สำคัญที่จะต้องวางรากฐานไว้สำหรับการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป
ทั้งนี้ในส่วนของโครงการอีอีซีหัวใจสำคัญคือโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการสนามบินและเมืองการบินอู่ตะเภา รวมทั้งโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 ซึ่งหากโครงการทั้งหมดที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสามารถคัดเลือกผู้ประมูลและทำสัญญาได้ก็จะทำให้โครงการที่เหลือของอีอีซีสามารถดำเนินไปได้ตามแผนที่วางไว้
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน นอกจากเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูงโครงการแรกของประเทศที่จะช่วยยกระดับการเดินทาง การคมนาคมขนส่ง และโลจิสติกส์ให้กับประเทศ ยังเป็นโครงการที่จะสร้างการพัฒนาธุรกิจต่อเนื่องโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะเติบโตไปตามแนวเส้นทางและสถานีของรถไฟความเร็วสูงช่วยให้การขยายตัวของความเป็นเมือง (Urban city) ขยายตัวออกไปจาก กทม.ไปยังจังหวัดใกล้เคียงที่เส้นทางรถไฟความเร็วสูงผ่านด้วย
นายสมคิด กล่าวถึงโครงการ เอสอีซี ขณะนี้ได้มีการจัดทำข้อเสนองบประมาณปี 2563 ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เมื่อโครงการนี้มีงบประมาณรองรับก็จะสามารถดำเนินการได้ในส่วนของโครงการสำคัญๆ ทั้งโครงการสร้างฐานเศรษฐกิจชีวภาพ (ไบโออีโคโนมี) และโครงการอื่นๆ ให้สามารถเกิดขึ้นได้ซึ่งจะช่วยยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตรในระยะต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรอบงบประมาณในโครงการ เอสอีซีอยู่ในแผนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (2562-2565) วงเงินกว่า 1.06 แสนล้านบาทมีการจัดทำกรอบงบประมาณแล้วซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รวบรวมข้อมูลจัดทำเป็นรายงาน
ประกอบด้วย 1.ภาพรวมของแผนปฏิบัติการ ข้อเสนอโครงการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกรอบพัฒนา 4 ด้านรวม 116 โครงการ วงเงิน 1.06 แสนล้านบาทเศษ โดยมีข้อเสนอส่วนที่ขอรับจัดสรรงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการฯจำนวน 111 โครงการวงเงินรวม 1.02 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 4 แผนงานย่อยได้แก่กรอบการพัฒนาที่ 1 การพัฒนาประตูการค้าฝั่งตะวันตก (Western Gateway)โดยมีข้อเสนอขอจัดสรรงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการฯจำนวน 10 โครงการวงเงิน 4.9 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการปรับปรุงท่าอากาศยานระนอง และโครงการพัฒนาท่าเรือระนอง
กรอบพัฒนาที่ 2 การพัฒนาประตูสู่การท่องเที่ยวอ่าวไทยและอันดามัน (Royal Coast and Andaman Route) โดยมีข้อเสนอโครงการในส่วนที่ขอรับจัดสรรงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการฯจำนวน 31 โครงการ วงเงินรวม 3.9 หมื่นล้านบาท โดยโครงการที่สำคัญได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะพยาม โครงการก่อสร้างศูนย์กีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬาระดับประเทศเชื่อมโยงกับศูนย์การแพทย์ทางเลือก ร.พ.ระนอง โครงการปรับปรุงท่าอากาศยานชุมพรเพื่อการท่องเที่ยว และโครงการพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งทะเลช่วงสมุทรสงคราม-เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-ระนอง
กรอบการพัฒนาที่ 3 การพัฒนาอุตสาหกรรมฐานชีวภาพและการแปรรูปการเกษตรมูลค่าสูง (Bio-Based and Processed Agricultural Products)จำนวน 32 โครงการวงเงิน 6.4 พันล้านบาท โครงการสำคัญ เช่น โครงการสนับสนุนการแปรรูปสมุนไพรแบบครบวงจร โครงการศึกษาการจัดตั้ง SECr ศูนย์ความเชี่ยวชาญการวิจัยเชิงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ โครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาสัตว์น้ำเศรษฐกิจภาคใต้ โครงการโรงงานต้นแบบสำหรับผลิตนวัตกรรมยางพารา เป็นต้น
กรอบการพัฒนาที่ 4 การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมวัฒนธรรมและการพัฒนาเมืองน่าอยู่ (Green, Culture, Smart and Livable Cities)โดยจัดสรรโครงการในแผนงานปฏิบัติการจำนวน 38 โครงการ วงเงิน 7.1 พันล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญเช่น โครงการป่าชายเลนระนองสู่มรดกโลก โครงการเฝ้าระวังภาวะฉุกเฉินเพื่อเตรียมความพร้อมความเข้มแข็งด้านการบริการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เทศบาลชุมพร โครงการพัฒนานวัตกรรมความปลอดภัยเมืองท่องเที่ยวทางน้ำ
โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็น
ASEAN Digital Hub โครงการติดตั้งระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการข้อมูล
โครงการสร้างระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะสำหรับบริการการแพทย์ฉุกเฉินและข้อมูลความปลอดภัย
โครงการพัฒนา จ.นครศรีธรรราชสู่เมืองอัจฉริยะ เป็นต้น
อีกส่วนหนึ่งเป็นโครงการจำเป็นเร่งด่วนที่ส่งผลสำคัญต่อการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน
และมีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันทีในปี 2562 (Quick
Win)ซึ่งเป็นโครงการที่มีแหล่งงบประมาณแล้ว 3 โครงการ วงเงิน 2.2
พันล้านบาท ได้แก่
โครงการการพัฒนาศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมการตลาดของท่าเรือระนองรองรับกลุ่ม
BIMSTEC ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย วงเงิน 70 ล้านบาท
โครงการปรับปรุงท่าอากาศยานระนอง วงเงิน 158.62 ล้านบาท และโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมสู่การเป็น ASEAN Digital Hub วงเงิน 2000 ล้านบาท
ที่มา : bangkokbiznews.com