เปิดไทม์ไลน์ เคาะเมกะโปรเจ็กต์

939

ช่วงนี้รัฐบาลเร่งทำคลอดเมกะโปรเจ็กต์ก่อนการเลือกตั้ง “รองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” จึงเดินสายเยี่ยมกระทรวงเศรษฐกิจหลัก ถี่ยิบ กระตุกต่อมทำงาน ไม่ให้ข้าราชการ “เกียร์ว่าง” วันก่อนไปคมนาคม ก็ไล่บี้หน่วยงานในสังกัดให้เข็นทั้งโครงการทางบก ราง อากาศ ท่าเรือให้แล้วเสร็จ มูลค่าร่วมล้านล้านบาททั้งที่ใกล้คลอดและอยู่ในไทม์ไลน์ รวมถึงแผนซื้อฝูงบินใหม่การบินไทยแสนล้านบาทด้วย

เรื่องนี้ถึงกับทำให้ดีดี “สุเมธ ดำรงชัยธรรม” สะดุ้งโหยง! เมื่อรองนายกฯ ตัดบทขอ 30 วัน ไม่ใช่ 45 วัน แผนต้องเสร็จแถมยังฮึ่มขู่ปลดบอร์ด ประธานบอร์ด กราวรูด แม้จะจำชื่อประธานไม่ได้แต่เรียกตำแหน่งชัดกลางที่ประชุมว่า “อธิบดีกรมสรรพากร” ฉะนั้นจึงต้องติดตามตอนต่อไป ว่าแผนซื้อฝูงบินใหม่ของการบินไทยจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ต้องทำคลอดให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง และที่แน่ๆ ทั้งแอร์บัส และโบอิ้งคงแฮปปี้ไปตามๆ กัน จากออร์เดอร์ใหม่ที่จ่อคิวนับวันรอ

เมกะโปรเจ็กต์ที่น่าจะทำคลอดก่อนสิ้นปีนี้ สำหรับรถไฟฟ้าเหลืออีก 3 สายคือ สายสีแดงเข้มช่วงรังสิต-ธรรมศาสตร์ สีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ตลิ่งชัน-ศาลายา และสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ กว่า 2 แสนล้านบาทจ่อเข้าครม.ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เท่ากับว่ารัฐบาล “คสช.” ทำคลอดโครงการรถไฟฟ้าเกือบจะมีโครงข่ายเชื่อมโยงครบลูปทั้งกทม.และปริมณฑล อนาคตอันใกล้คนกรุงจอดรถอยู่บ้านนั่งรถไฟฟ้าแทน แต่ตอนนี้ทน “รถติด” อย่างสาหัสกันไปก่อน

ส่วนโครงการที่เหลือรอเคาะปีหน้าส่วนใหญ่เป็นทางคู่ 8 เส้นทาง ของ ร.ฟ.ท.โดยไม่นับรวมท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 รถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ศูนย์ซ่อม MRO มอเตอร์เวย์ นครปฐม-ชะอำ ที่ไปไกลแล้วและก่อนสิ้นปีน่าจะปิดจ็อบได้ และ เงินก็คงสะพัดในกลุ่มบิ๊ก 1 ใน 5 รับเหมาก่อสร้างตรึม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว CK STEC ITD ที่ว่ากันว่าขณะนี้เริ่มเล่นตัวเลือกงานที่กำไรงาม เพราะงานล้นมือเลยมีสิทธิ์เลือกไม่หน้าแห้งเหมือนในอดีต ตอกเสาเข็มเมื่อไรคงดันจีดีพีปีหน้าให้โตต่อเนื่อง

มาตรการ “แตะเบรก” อสังหาริมทรัพย์ ของแบงก์ชาติ ยกแรกที่เปิดรับฟัง เสียงสะท้อนแบงก์และผู้ประกอบการดุเดือดพอควร เพราะเหมือนเปิดให้เอกชนได้ระบาย เสียงส่วนใหญ่ต้องการให้เลื่อนการบังคับใช้มาตรการออกไปอีก 6 เดือนจากมกราคมเป็นกรกฎาคม 2562 และอยากให้คุมบ้านหลังที่ 3 มากกว่า แบงก์ ธอส.ครวญ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย ขอให้พิจารณาคุมบ้านหลังที่ 2 ราคาไม่ตํ่ากว่า 3 ล้านบาท “อธิปพีชานนท์” สวนหมัด แบงก์ชาติควรไปคุมสินเชื่อผู้ประกอบการมากกว่า ลุ้นกันต่อว่าถึงที่สุดแล้ว ธปท.จะคล้อยตามมากน้อยแค่ไหน

Advertisement

วิบากกรรมทัวร์จีนยังไม่จบ เรื่องฉาวๆ ยังมีต่อเนื่อง ล่าสุดเจอปล้นนักท่องเที่ยวอีก คราวนี้เป็นคนจีนเชื้อสายมาเลย์ ซื้อพวงมาลัยหน้าพระพรหมเอราวัณ เจอโขกไป 6,000 บาท เท่ากับว่า นอกจากเรือล่ม หมัดฉาวรปภ.สนามบินดอนเมือง ส่วยตม. 300 บาท แก้บิลค่าปรับทิ้งขยะชายหาด จาก 2,000 เป็น 3,000 บาท นักท่องเที่ยวอินเดียถูกลูกหลงตายฟรี กลายเป็นปัญหาคลาสสิกของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เกิดซํ้าแล้วซํ้าเล่า“แก้ไม่จบ-จับไม่จำ” ยิ่งเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวปีละ 40 ล้านคนปัญหาก็จะทวีคูณตามไปด้วย

ปัญหาทัวร์จีนขณะนี้จึงยังมีการแชร์กันว่อนบนโลกออนไลน์ของจีน ภาพลักษณ์เมืองไทยเสียหายมาก คนจีนบางส่วนก็ลืมเรื่องความบาดหมางในอดีตหนีไปเที่ยว ญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลี จากเดิมที่เคยนึกถึงไทยอันดับ 1 เพราะญี่ปุ่นมีความปลอดภัยสูงแม้จะภัยธรรมชาติ การฟื้นความเชื่อมั่นตลาดจีนรอบนี้จึง “ไม่ง่าย” และใช้วิธีเดิมๆ คงไม่ได้ผล อีกหน่วยงานรัฐก็ไม่ต้องมานั่ง “เถียง” กันให้เสียเวลาว่าช่วง “โกลเด้นวีก” ที่ผ่านมา คนจีนไปญี่ปุ่นหรือมาไทยอันดับหนึ่ง ไม่มีประโยชน์ สู้เอาเวลาไปคิดแก้ปัญหาจะดีกว่า เพราะเรื่องนี้ยังมีดราม่าอีกแยะและท่าจะลากยาวไปถึงปีหน้า ชาร์เตอร์ไฟลต์ยกเลิกเพียบ ที่มีบินผู้โดยสารก็โหลงเหลง กรุ๊ปทัวร์หาย 50%

เพราะลึกๆ แล้ว แม้ท่าทีรัฐบาลจีน ไม่ “ห้าม” มาเที่ยวเมืองไทย แต่ก็ไม่ได้ปลื้มนัก กับการแก้ปัญหาหลายเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนจีนของฝ่ายไทย “เรือล่ม” ยังเป็นประเด็นคาใจเพราะจนบัดนี้ ยังไม่มีความก้าวหน้าหาคนผิดมาลงโทษได้ ซากเรือก็ยังกู้ไม่ได้ จึงไม่แปลกที่ทัวร์จีนร่วม10 ล้านคนจะหดหายไปบ้าง ก็ไม่ต้องโทษใคร จีนต้องการความจริงใจในการแก้ปัญหาของไทย ในทุกเรื่องอย่างใจจดใจจ่อ

ยินดีกับปลัดใหม่ป้ายแดง “ศิลปสวย ระวีแสงสูรย์” ปลัดกทม.คนล่าสุด ตามสถิติเป็นปลัดหญิงคนที่ 4 ของ ตำนานเสาชิงช้า จบปริญญาตรีศิลปศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชนจากรั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จบหลักสูตรวปอ. ปี 2559 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมปีที่แล้วได้รับตำแหน่งรองปลัดกทม. ถ้านับตามปีเกิดก็น่าจะอยู่ในตำแหน่งยาวไปถึงปี 64 โน้น

ศศินทร์ จุฬาฯ และ Scenario Thailand Foundation โดยจัดบรรยาย เรื่อง “Collaborating with the Enemy” (เปลี่ยนศัตรูเป็นคู่คิด) สร้างกระแสปรองดอง โดย Mr.AdamKahane นักวิชาการด้านปรองดองสมานฉันท์ระดับ โลก ร่วมด้วย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล-ดร.คุณหญิงสุชาดากีระนันทน์-บัณฑูร ลํ่าซำ-ชาติศิริ โสภณพนิช-กานต์ ตระกูลฮุน และจรัมพร โชติกเสถียร ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในหัวข้อ “Success Through Collaboration: My Experience” วันพุธที่ 24 ตุลาคม เวลา 13.30 น.ฟังฟรีสำรองที่นั่ง ที่https://collaborating-with-the-enemy.eventbrite.com

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

Advertisement
Haus23
Haus23
Haus23