เตรียมตัวให้พร้อม “รถไฟฟ้าสายสีทอง” คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 16 ธ.ค. 2563 นี้ โดยกำหนดราคาค่าโดยสารเพียง 15 บาทต่อเที่ยว ชวนเจาะลึกรายละเอียดของรถไฟฟ้าสายใหม่นี้ให้มากขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้ มีข้อมูลจากบริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด ผู้ออกแบบ ติดตั้ง และบริหารงาน “รถไฟฟ้าสายสีทอง” ทั้งหมดแบบเบ็ดเสร็จ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายสีทอง ระยะที่ 1 ช่วงสถานีกรุงธนบุรี-สถานีสำนักงานเขตคลองสาน ระยะทาง 1.8 กิโลเมตร (กม.) ระบุว่า
โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง ในภาพรวมด้านการก่อสร้างและติดตั้งระบบมีความก้าวหน้า 95% แบ่งเป็น ความก้าวหน้างานโยธา 99% และความก้าวหน้างานระบบการเดินรถมากกว่า 90% ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบอีกครั้ง ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ในวันที่ 16 ธ.ค. 2563
ก่อนจะถึงวันเปิดให้บริการจริง กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ชวนมาเจาะลึกรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับ รถไฟฟ้าสายสีทอง รถไฟฟ้าน้องใหม่ป้ายแดงสายนี้ให้มากขึ้นรถไฟฟ้าสายสีทอง สายสั้นๆ แต่สะดวกขึ้นมาก
รถไฟฟ้าสายสีทอง เป็นรถไฟฟ้าสายสั้นๆ ที่จะเชื่อมต่อฝั่งกรุงเทพฯ และฝั่งธนบุรี ทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น มีการปรับปรุง BTS สะพานตากสินให้เป็นสถานีที่มี 2 ชานชาลาและเป็นรางคู่ โดยจุดเชื่อมต่อที่น่าสนใจที่สุดคือ บริเวณสถานีกรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน เชื่อมต่อไปยังห้างดังอย่าง ICONSIAM
กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อนุมัติและริเริ่มให้มีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้ารอง สายสีทอง เมื่อปี พ.ศ. 2560 ก่อสร้างโดยบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ มีงบลงทุนในการก่อสร้างประมาณ 3,000 ล้านบาท และมีกำหนดเปิดใช้งาน ระยะที่ 1 ในช่วงเดือนธันวาคม 2563 ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิ่งทดสอบ โดยค่าโดยสารของรถไฟฟ้าสายนี้จะอยู่ที่ 15 บาทตลอดสาย
- การติดตั้งระบบ รถไฟฟ้าสายสีทอง มี 2 ระยะ
ในการพัฒนาโครงการระบบขนส่งมวลชนเส้นทางวรถไฟขนาดรอง สายสีทอง แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 : มีระยะทาง 1.80 กิโลเมตร ประกอบด้วย 3 สถานี ได้แก่ สถานีกรุงธนบุรี, สถานีเจริญนคร (เชื่อม ICONSIAM), สถานีคลองสาน
ระยะที่ 2 : มีระยะทาง 0.88 กิโลเมตร ประกอบด้วย 1 สถานี คือ สถานีประชาธิปก
- รถไฟฟ้าสายสีทอง เป็นรถไฟรูปแบบ “ไร้คนขับ”
ระบบรถไฟฟ้าสายสีทอง ใช้เป็นระบบ Monorail รูปแบบไร้คนขับโดยใช้รางนำทาง มีผิวสัมผัสระหว่างล้อและทางวิ่งเป็นยาง ซึ่งจะทำให้เกิดความนุ่มนวลและก่อให้เกิดเสียงรบกวนต่ำเมื่อเทียบกับระบบอื่น อีกทั้งมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยโมเดลที่ใช้เป็นรุ่น Bombardier Innovia APM 300 จำนวน 3 ขบวน ขบวนละ 2 ตู้ รองรับผู้โดยสารได้ 4,000-12,000 คน/ชั่วโมง/ทิศทาง
- เชื่อมต่อไปยังรถไฟสายอื่นๆ ได้ 3 สาย
ในอนาคต ประชาชนจะสามารถเดินทางเชื่อมต่อจาก รถไฟฟ้าสายสีทอง ไปยังรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ได้อีก 3 สาย ได้แก่
1. รถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือรถไฟฟ้า BTS สายสีลม เชื่อมต่อจาก BTS กรุงธนบุรี (G1)
2. รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ เชื่อมต่อกับสถานีประชาธิปก (G4)
3. รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-บางบอน-มหาชัย เชื่อมต่อกับสถานีคลองสาน (G3)
- มีรถไฟฟ้าสายใหม่อีก คือ สายสีชมพู สายสีเหลือง
นอกจากรถไฟฟ้าสายสีทองแล้ว คนไทยยังจะได้นั่งรถไฟฟ้าสายใหม่อีก 2 สาย ได้แก่ สายสีชมพู และสายสีเหลือง โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในระยะแรก ภายในปี 2564-2565 มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
1. รถไฟฟ้าสายสีชมพู
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูมี ระยะทาง 34.5 กม. มีสถานีรวม 32 สถานี ในเส้นทางแคราย-มีนบุรี มีเงินลงทุน 46,643 ล้านบาท คาดว่าทั้งรถไฟฟสายนี้จะเปิดให้บริการได้ในระยะแรกประมาณเดือนตุลาคม ปี 2564 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ภายในปี 2565
ขบวนรถไฟฟ้าสายสีชมพู ใช้โมเดลรถไฟฟ้ารุ่น Bombardier Innovia Monorail 300 จำนวน 42 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคล่อมราง (Straddle Monorail) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์แม่เหล็กแบบถาวร ไร้คนขับ รองรับผู้โดยสารได้ 568 คน/ตู้ หรือรองรับผู้โดยสารได้ 1,009 คน/ขบวน
ความคืบหน้าภาพรวม แบ่งเป็นการก่อสร้างงานโยธาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูอยู่ที่ 70% และงานระบบอยู่ที่ 50% คาดว่าจะเริ่มทดสอบระบบเดินรถ (Test Run) ประมาณเดือนเมษายน – กรกฎาคม 2565 ค่าโดยสารเริ่มต้น 16-42 บาท
2. รถไฟฟ้าสายสีเหลือง
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีระยะทาง 30.4 กม. บริการ 23 สถานี ในเส้นทางลาดพร้าว-สำโรง มีเงินลงทุน 45,797 ล้านบาท ใช้โมเดลรถไฟฟ้ารุ่น Bombardier Innovia Monorail 300 เหมือนกับสายสีชมพูทุกอย่าง ให้บริการจำนวน 42 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวแบบคล่อมราง (Straddle Monorail) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์แม่เหล็กแบบถาวร ไร้คนขับ
รถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีความคืบหน้าประมาณ 62.44% คาดว่าจะเริ่มเปิดทดสอบเดินรถในเดือนเมษายน 2564 จากนั้นจะเปิดทดลองเดินรถเสมือนจริง โดยให้ประชาชนร่วมใช้บริการฟรี! ในเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกัน ค่าโดยสารเริ่มต้น 16-42 บาท
ที่มา : www.bangkokbiznews.com