ตลาดอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่อปีมูลค่า 8 แสนล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเติบโต ในงานสัมมนาทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย “ส่องอสังหาฯ 2018” วานนี้ (24 พ.ย.)บรรดาผู้ประกอบการและศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. ร่วมกันประเมินสถานการณ์แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการแข่งขันปีหน้า
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าจากตัวเลขคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีหน้าเติบโตเกิน 4% ส่งผลต่อทิศทางตลาดอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยในปี 2561 จะกลับมาสดใสพอสมควร เมื่อเทียบกับปี 2559 ต่อเนื่องปี 2560 ที่มีมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาฯ ทำให้ดึงดีมานด์ไปล่วงหน้า
ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ประเมินอุปทานตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ปี 2561 มีจำนวน 276,100 หน่วย แบ่งเป็นแนวราบ 154,200 หน่วย สัดส่วน 55.8% และอาคารชุด 121,900 หน่วย สัดส่วน 44.2%
โดยจำนวนหน่วยที่มีมากที่สุด คือ อาคารชุด 44.1% , ทาวน์เฮ้าส์ 24.3% ,บ้านเดี่ยว 23.5% บ้านแฝดและอาคารพาณิชย์ 8.1% ด้วยจำนวนซัพพลายดังกล่าวยังไม่อยู่ในภาวะล้นตลาด (โอเวอร์ซัพพลาย) เนื่องจากตลาดยังมีอัตราการดูดซับดี
คอนโดกรุงเทพฯ 8หมื่นหน่วย
จากตัวเลขคาดการณ์ซัพพลายปีหน้า ที่จำนวน 276,100 หน่วย ประเภท แนวราบ 154,200 ยูนิต แบ่งเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 74,300 ยูนิต สัดส่วน 48.2% ภูมิภาค จำนวน 79,900 ยูนิต สัดส่วน 51.8%
ส่วนอาคารชุด จำนวน 121,900 ยูนิต แบ่งเป็น กรุงเทพฯและปริมณฑล 79,900 ยูนิต และ ภูมิภาค 42,000 ยูนิต
สำหรับซัพพลาย เฉพาะพื้นที่ “กรุงเทพฯและปริมณฑล” ที่จำนวนหน่วย 154,200 หน่วย ประเภท หน่วยมากที่สุด คือ คอนโด 51.2%, ทาวน์เฮ้าส์ 29.1% , บ้านเดี่ยว 13.6% บ้านแฝดและอาคารพาณิชย์ 6.1%
ขณะที่ซัพพลายที่อยู่อาศัย“ภูมิภาค”ทั่วประเทศ จำนวน 121,900 หน่วย ประเภทหน่วยที่มีมากที่สุด คือ บ้านเดี่ยว 36.2%,คอนโด 34.5%,ทาวน์เฮ้าส์ 18.1%บ้านแฝดและอาคารพาณิชย์ 11.2
ภาวะการขายหรืออัตราการดูดซับตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปีหน้า คาดว่าจะใช้เวลาเฉลี่ย 15 เดือน หากแยกเป็นบ้านแนวราบ คาดว่าจะใช้เวลาดูดซับ 17 เดือน ซึ่งใช้เวลาน้อกว่าปกติที่เฉลี่ย 19 เดือน ส่วนตลาดคอนโด คาดว่าจะใช้เวลาดูดซับ 13 เดือน โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติเล็กน้อยที่ 12 เดือน
“ทิศทางจีดีพีเติบโตเกิน 4% ปีหน้าจะช่วยกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยเติบโต ด้วยจำนวนซัพพลายที่คาดการณ์ 2.7 แสนหน่วย ยังไม่เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลาย”