นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวยืนยันว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ศึกษาความเหมาะสมในการดำเนินการโครงการพัฒนารถไฟฟ้าความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)เชื่อม 3 ท่าอากาศยาน ระยะที่ 2 เส้นทางจากระยอง-จันทบุรี-ตราด โดยในที่ประชุม กนศ.ได้อนุมัติงบกลางจำนวน 200 ล้านบาทให้ รฟท. ไปดำเนินการศึกษาเบื้องต้น คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นการศึกษาคู่ขนานไปกับโครงการรถไฟทางคู่ที่จะต่อขยายไปถึงตราดเช่นเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กนศ.ได้ส่งมติที่ประชุมวันที่ 1 ก.พ. มายัง รฟท.แล้ว โดยรายละเอียดการศึกษาโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง กทม.-ระยอง หรือรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 ท่าอากาศยาน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะที่ 2 ระยอง-จันทบุรี-ตราด ขณะที่วงเงินลงทุนไฮสปีดเทรนส่วนต่อขยายจะยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ เบื้องต้นการลงทุนรถไฟความเร็วสูง 1 กิโลเมตร จะมีกรอบวงเงิน 800 ล้านบาท คำนวณคร่าวๆ อยู่ที่ 138,400 ล้านบาท ด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (13 ก.พ.) เห็นชอบโครงสร้างอัตราค่าภาระโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งสินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบังของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในเดือน ก.ค.นี้ โดยกรอบอัตราค่าภาระ (ค่ายกตู้สินค้า) กำหนดขั้นต่ำ-สูงที่ 376 -835 บาท ตามลำดับ ต่อตู้สินค้าทุกขนาดและทุกสถานภาพ โดยระบบที่นำมาใช้ในศูนย์การขนส่งสินค้าดังกล่าวถือเป็นระบบที่ทันสมัยที่สุดในไทย เมื่อเปิดให้บริการแล้วจะสามารถยกตู้สินค้าได้ 2 ล้านทีอียูต่อปี และจะนำไปใช้ในท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ซึ่งจะช่วยให้ท่าเรือแหลมฉบังรองรับตู้สินค้าได้ถึง 15 ล้านทีอียูต่อปี จากปัจจุบัน 7 ล้านทีอียู และช่วยเพิ่มการขนส่งทางรางเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 15%.
ที่มา : ไทยรัฐ
