Home Blog

ความต้องการตลาดวิลล่าภูเก็ตเติบโตอย่างมากหลังเปิดประเทศ ต่างชาติมองเป็นบ้านหลังที่ 2

นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า กลุ่มชาวต่างชาติยังมองหาวิลล่าเพื่อซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 ในขณะที่ชาวต่างชาติบางกลุ่มหันมาเช่าวิลล่ามากกว่าคอนโดมิเนียม โดยกลุ่มต่างชาติเหล่านี้ต้องการพื้นที่ที่เป็น Safe Zone ให้กับตัวเองและครอบครัว ทำให้การปล่อยเช่าวิลล่าในปีที่ผ่านมามีอัตราผลตอบแทนการเช่าสูงถึง 10% ต่อปี อีกทั้งแนวโน้มการเปิดประเทศของจีนจะเป็นโอกาสที่ทำให้วิลล่ามีกลุ่มกำลังซื้อเพื่มขึ้นและยังคงมีการเติบโตได้ดีในปีหน้าทั้งในตลาดซื้อและตลาดเช่า

ภาพรวมตลาด

วิลล่ายังคงเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ซื้อในการอยู่อาศัยและลงทุน หากเทียบสัดส่วนจำนวนของโครงการวิลล่าในภูเก็ตนั้นมีจำนวนมากใกล้เคียงกับโครงการคอนโดมิเนียม ตลาดวิลล่ามีทิศทางที่สดใสและคึกคักจากอุปทานและอุปสงค์ทั้งในแง่การเช่าและการซื้อไว้ครอบครอง โดยปกติจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวในช่วง Hi Season ตลอดทุกปีรวมไปถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียด้วย ซึ่งในปีนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากวิกฤตการณ์สงคราม ทำให้ในหลายประเทศควบคุมการออกวีซ่าให้กับรัสเซีย ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่ได้มีข้อจำกัดวีซ่านี้ ส่งผลให้ภาพรวมตลาดวิลล่าที่ผ่านมามีอุปสงค์มากขึ้น ทำให้โครงการใหม่ทยอยเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าของโครงการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นในภูเก็ต ซึ่งการพัฒนาโครงการนับว่าเป็นโอกาสในการเติบโตที่ดีเพื่อรอกลุ่มตลาดผู้ซื้อหลักชาวจีนที่คาดว่าจะกลับมาในปี พ.ศ. 2566

อุปทาน

อุปทานวิลล่าในภูเก็ต ณ สิ้นปี พ.ศ. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 4,375 หน่วย จำนวนหน่วยขายใหม่เพิ่มในอัตราร้อยละ 8.1 จากปี พ.ศ. 2564 ซึ่งมีจำนวนหน่วยเปิดขายอยู่ที่ 126 หน่วย โดยในปี พ.ศ. 2565 มีอุปทานใหม่เปิดขายจำนวน 328 หน่วย จาก 25 โครงการ โดยวิลล่าที่เปิดขายใหม่ตั้งอยู่เพียง 2 บริเวณเท่านั้น คือ บริเวณเชิงทะเลสูงถึงร้อยละ 85 รองลงมาได้แก่บริเวณบริเวณหาดบางเทาร้อยละ 15 โดยระดับราคาวิลล่าที่เปิดขายใหม่มากที่สุดในปี พ.ศ. 2565 คือระดับราคา 21 – 30 ล้านบาท

อุปสงค์

จากการสำรวจของฝ่ายวิจัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย พบว่าวิลล่าที่ขายได้แล้วในภูเก็ตมีจำนวนทั้งสิ้น 3,595 หน่วย จากจำนวนอุปทานทั้งสิ้น 4,375 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 82.1  อัตราการขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 1.8 โดยในปี พ.ศ. 2564 มีอัตราการขายที่ร้อยละ 80.4 โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ในปีนี้มีทั้งสิ้น 341 หน่วย จากอัตราการขายที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากชาวรัสเซียเดินทางเข้ามามากกว่าปกติจากทั้งภาวะสงครามและที่เข้ามาเที่ยวในช่วง Hi Season รวมทั้งความกังวลในเรื่องของนโยบายของประเทศที่ห้ามไม่ให้เคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศ หรือ (Frozen accounts do not permit any debit transactions.) ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงทำให้กลุ่มชาวรัสเซียบางส่วนเลือกที่จะโยกย้ายเงินเพื่อนำมาเช่าและซื้อวิลล่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยสำรอง อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่ถูกลงทำให้ช่วยลดระยะเวลาในการตัดสินใจในการซื้อได้เร็วขึ้น ทำให้วิลล่าที่ขายได้ในปีนี้ขายให้กับชาวรัสเซียเกือบ 100%

ในส่วนบริเวณที่มีจำนวนหน่วยขายมากที่สุด 3 อันดับได้แก่ บริเวณเชิงทะเลซึ่งมีหน่วยขายได้อยู่ที่ 195 หน่วย รองลงมาเป็นบริเวณหาดบางเทาซึ่งมีหน่วยขายอยู่ที่ 98 หน่วย ในขณะที่หาดราไวย์มีหน่วยขายได้ที่ 18 หน่วย โดยในปีนี้บริเวณเชิงทะเลเป็นพื้นที่ที่มีการการพัฒนาวิลล่ามากที่สุดแม้จะไม่ได้อยู่ติดหาดก็ตามแต่จุดประสงค์ที่กลุ่มผู้ซื้อให้ความสำคัญคือสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เป็นป่าและเขาทำให้บริเวณนี้มีความเงียบและสงบมาก ซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนตามความชอบของผู้อยู่อาศัยและวิลล่าบริเวณนี้ยังอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติด้วย ซึ่งหากเทียบกับระยะทางบริเวณเชิงทะเลก็เป็นโซนที่ใกล้เมืองง่ายต่อการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก

ในส่วนของระดับราคาขายวิลล่าที่ขายได้ดีในปี พ.ศ. 2565 คือ วิลล่าที่มีระดับราคาขายในช่วง 21 – 30 ล้านบาทต่อหน่วย คิดเป็น ร้อยละ 45 ของจำนวนหน่วยที่ขายได้ในปีนี้ รองลงมาคือวิลล่าที่มีระดับราคาขายอยู่ที่ 10 – 20 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 40

แนวโน้มตลาดวิลล่าในภูเก็ต

ภาพรวมตลาดวิลล่ายังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2566 วิลล่าจะยังคงเป็นที่นิยมและมีแรงสนับสนุนจากชาวต่างชาติ ในกลุ่มที่รักและชื่นชอบการเข้ามาอยู่อาศัยและเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต การพัฒนาวิลล่าใหม่จะมีเพิ่มเข้ามาในตลาดมากกว่าการพัฒนาคอนโดมิเนียม เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อหันมาให้ความสนใจในการซื้อวิลล่าในลักษณะลงทุนปล่อยเช่ามากขึ้น เพราะได้ผลตอบแทนต่อปีที่ค่อนข้างดีมากกว่าคอนโดมิเนียม ฝ่ายวิจัยไนท์แฟรงค์ฯ คาดว่าในปีหน้าการลงทุนวิลล่าจะยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติที่เข้ามายังภูเก็ต และแน่นอนว่ากลุ่มนักลงทุนอย่างอย่างชาวจีนจะกลับมาและพร้อมที่จะเข้ามาซื้อวิลล่าเพื่อไว้เก็งกำไรและอาจจะซื้อมากกว่า 1 หลัง จากค่าเงินที่มากขึ้นของต่างประเทศทำให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนมากกว่าเดิมพราะมั่นใจในตลาดอสังหาฯ ของภูเก็ตที่มีการหมุนเวียนนักท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา

ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินก็ปรับตัวขึ้นมาไม่แพ้กับการเติบโตของวิลล่าเช่นกัน จากการประเมินราคาที่ดินเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8-10% ต่อปี ส่งผลให้ราคาขายของวิลล่าปรับตัวขึ้นตามราคาที่ดิน โดยเฉพาะวิลล่าที่อยู่ติดทะเลบริเวณลากูน่าจะมีราคาที่สูง เนื่องจากปัจจุบันราคาประกาศขายที่ดินต่อไร่อยู่ที่ประมาณ 25 ล้านบาทและที่ดินค่อนข้างเหลือน้อยจึงทำให้การพัฒนาวิลล่ามีการตั้งราคาขายที่ค่อนข้างสูง ในส่วนพื้นที่บริเวณเชิงทะเลจะเป็นที่นิยมในการพัฒนามากขึ้น เนื่องจากที่ดินมีเหลืออยู่มากและอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอีกทั้งยังใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ รวมถึงบรรยากาศที่สงบแวดล้อมไปด้วยภูเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มชาวต่างชาติที่มาอาศัยเป็นครอบครัวเริ่มมองหาบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเหล่านี้ ในช่วงเวลาที่มาพักผ่อนและอยู่อาศัย อย่างไรก็ตามการพัฒนาวิลล่าในภูเก็ตยังต้องพึ่งพาแรงสนับสนุนของกลุ่มต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ตลาดวิลล่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

ดาวน์โหลดเพิ่มเติม คลิก

Advertisement

ภาพรวมตลาด คอนโดมิเนียมในภูเก็ต ปี 2565

แนวโน้มตลาดคอนโดภูเก็ตกำลังฟื้นตัว คาดว่าอีก 1-2 ปี กว่าตลาดจะกลับมาสภาวะปกติ

นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดยังคงต้องรอการฟื้นตัวต่อไปอีกสักระยะ จนกว่าภาคการท่องเที่ยวจะเติบโตดีขึ้นกว่านี้ อย่างไรก็ตามตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักลงทุนของลูกค้าต่างชาติ เพราะการลงทุนอสังหาฯ ในภูเก็ตยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี

ภาพรวมตลาด

หลังจากที่สถานการณ์โรคระบาดโควิค – 19 ทุเลาลง สถานการณ์การตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตเริ่มมีการทยอยฟื้นตัวอย่างช้าๆ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้กลับเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาทำการตลาดและพัฒนาโครงการต่ออีกครั้ง หลังจากที่หยุดโครงการไปเนื่องจากปัญหาของการขนส่งวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่ไม่สามารถทำธุรกรรมโอนเงินข้ามประเทศเพื่อมาชำระงวดเงิน (Payment Term) ในช่วงที่มีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมตามเงื่อนไขสัญญาได้ ส่งผลให้หลายโครงการไม่สามารถสร้างโครงการต่อได้ในช่วงเวลาหนึ่งทำให้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมาเกิดการชะลอตัวทั้งในแง่อุปทานและอุปสงค์เช่นกัน จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมาจนถึง ณ สิ้นปี พ.ศ. 2565 พบว่าความต้องการคอนโดมิเนียมมีความต้องการเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากเมื่อเทียบกับตลาดวิลล่าในภูเก็ต ณ ช่วงเวลาเดียวกัน

อุปทาน

ณ สิ้นปี พ.ศ. 2565 อุปทานคอนโดมิเนียมในภูเก็ตฝั่งตะวันตกตั้งแต่หาดไม้ขาวจนถึงหาดราไวย์มีจำนวนทั้งสิ้น 24,211 หน่วย ตลอดทั้งปีที่ผ่านมามีอุปทานเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 941 หน่วย เนื่องจากภาพรวมของตลาดยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เน้นระบายอุปทานที่มีอยู่ก่อน จากการลงสำรวจพบว่ามีอุปทานที่หายไปจากตลาดตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 จนถึง พ.ศ.2565 อยู่ประมาณ 4,247 หน่วย เพราะมีการหยุดพัฒนาโครงการเนื่องจากปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินของเจ้าของโครงการเองในช่วงที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิครวมถึงปัญหาในเรื่องการขออนุญาตก่อสร้างในเขตพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการพัฒนาโครงการและในปัจจุบันโครงการดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าในพัฒนาต่อแต่อย่างใด

โครงการที่เปิดขายใหม่ตั้งอยู่ในบริเวณบางเทาร้อยละ 45 หาดลายัน ร้อยละ 31ในส่วนของหาดในยางและหาดกะตะอยู่ที่ร้อยละ 18 และ 6 ตามลำดับ โดยอุปทานที่เพิ่มมาในปีนี้จะมีมุมมองที่ไม่เห็นวิวทะเลแต่ยังสามารถเดินไปยังหาดได้ในระยะทางที่ไม่ไกล เนื่องจากที่ดินเปล่าติดหาดหรือมีมุมมองวิวทะเลเหลือน้อยมากและคาดว่าในอนาคตการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมก็จะเป็นโครงการที่อยู่ห่างจากชายหาดออกไปอีก

อุปสงค์

ปลายปี พ.ศ. 2565 จำนวนคอนโดมิเนียมที่ขายไปได้ทั้งสิ้นมีจำนวน 18,613 หน่วย จากอุปทานทั้งหมด 24,211 หน่วย คิดเป็นอัตราการที่ร้อยละ 76.9 อัตราการขายปรับลดลงมาที่ร้อยละ 1.4 จากปี 2564 ซึ่งอยู่ทีร้อยละ 78.3 มีหน่วยเหลือขายประมาณ 5,598 หน่วย โดยจำนวนหน่วยขายใหม่ที่ขายได้เพียง 397 หน่วยเท่านั้น จำนวนหน่วยขายลดลงจากปี พ.ศ. 2564 เกือบครึ่ง และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2563 โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ในภาพรวมกลุ่มผู้ซื้อยังคงเป็นชาวรัสเซียเกือบ 100% โดยกลุ่มรัสเซียดังกล่าวจะมาอยู่ภูเก็ตในช่วง High Season (เดือนตุลาคม-เดือนกุมภาพันธ์) และส่วนใหญ่สามารถทำงานออนไลน์ได้และกลุ่มที่มาท่องเที่ยวและบางส่วนเป็นชาวยุโรปที่ซื้อไว้อยู่อาศัยเองในช่วง Long stay ซึ่งการกลับมาเปิดเมืองและการเดินทางของนักท่องเที่ยวในปีนี้ไม่ได้ส่งผลให้ความต้องการของคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามพบว่าความสนใจในการซื้อวิลล่ามีมากกว่าทั้งการซื้ออยู่อาศัยและลงทุน โดยกลุ่มชาวต่างชาติที่เดินทางมาส่วนใหญ่จะเป็นชาวรัสเซีย

ราคาขาย

ราคาเสนอขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมบริเวณโซนฝั่งตะวันตก ณ สิ้นปี พ.ศ. 2565 ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมเห็นวิวทะเลมีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 196,900 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี พ.ศ. 2564 ในอัตราร้อยละ 0.45 ราคาขายบริเวณคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลบางส่วน มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 97,915 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปี พ.ศ. 2564 ในอัตราร้อยละ 0.38 ในขณะที่ราคาขายของคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลมีระดับราคา เฉลี่ยอยู่ที่ 74,548 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2564 ในอัตราที่ร้อยละ 0.22 ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกพื้นที่เล็กน้อยเนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวมานานอีกทั้งการกลับมาของต่างชาติยังไม่คึกคักอย่างเต็มที่ และการที่หลายโครงการเพิ่งเริ่มกลับมาทำการตลาดเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ แม้ว่าหลายโครงการที่กำลังก่อสร้างเสร็จแต่ก็ยังไม่ได้มีการปรับราคาเพิ่มมามากนัก หากแต่รอให้กำลังซื้อกลับมามากขึ้นทั้งยังรอการโอนเงินจากกลุ่มที่จองห้องไป ซึ่งเป็นสัญญาณที่หลายโครงการอาจจะเริ่มทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

แนวโน้ม

สถานการณ์ท่องเที่ยวเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังคงเลือกจุดหมายปลายทางอย่างภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักในการพักผ่อนและใช้ชีวิตในการอยู่อาศัยตลอดระยะเวลาการมาประเทศไทย ตลาดคอนโดมิเนียมยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวให้เป็นปกติอีก 1-2 ปี เพราะต้องรอนักท่องเที่ยวให้กลับมาเทียบเท่าในปีก่อนสถานการณ์โควิค โดยคาดว่าในช่วงปี พ.ศ. 2566 โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะทยอยสร้างเสร็จและมีการเปิดให้บริการในรูปแบบโรงแรมเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มชาวจีน ในอนาคตหากไม่มีโครงการเปิดใหม่คาดว่าตลาดเช่าจะเป็นที่นิยมมากเนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใหม่เข้ามาให้ลงทุน

จากการท่องเที่ยวตลอดปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังภูเก็ตในปีนี้มีจำนวนอยู่ที่ประมาณ 2.3 ล้านคน และคาดว่าในปีหน้าจำนวนนักท่องเที่ยวจะมาเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวจะเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจคอนโดมิเนียมและตัดสินใจซื้อลงทุน ด้วยเหตุผลหลักคือเพื่อหลีกหนีอากาศหนาวในประเทศของตน และใช้เป็นสถานที่หลบภัยในช่วงที่สถานการณ์ในประเทศของตนไม่ปกติ อาทิเช่น สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งนี้คาดว่ากลุ่มหลักที่ยังคงชื่นชอบและมาพักผ่อนที่ภูเก็ตคือกลุ่มรัสเซียและกลุ่มชาวจีน การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในอนาคตคาดว่าจะมีระยะห่างจากชายหาดมากขึ้นเนื่องจากขนาดที่ดินในการพัฒนาเริ่มน้อยลง

Advertisement

ถอดบทเรียน ‘อิตาลี’ ประเทศที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก

‘กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว’ หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินประโยคนี้ เพื่อเปรียบเปรยถึงบางสิ่งบางอย่างที่ต้องใช้เวลาและอดทนในการทำหรือสรรสร้างให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ไว้เปรียบเปรยกับการทำงาน อิตาลีก็เช่นกัน เพราะในทางเศรษฐกิจอิตาลีถือเป็น 1 ในประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางในเศรษฐกิจมากที่สุดในโลกด้วยธุรกิจSME ซึ่งทำให้อิตาลีมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก

วันนี้ไนท์แฟรงค์ ตีตั๋วพาไปดูเรื่องราวของเศรษฐกิจแห่งเมืองรองเท้าบทธมาฝากกัน

ถ้าถามประเทศที่เด่นในทุกเรื่องจนครบรอบด้าน จะไม่พูดถึงอิตาลีไม่ได้เลย ที่มีดีในทั้งทางการค้า อุตสาหกรรม การส่งออก ศิลปะวัฒนธรรม และในด้านของอาหาร ซึ่งอิตาลีก็มีความคล้ายกับเมืองไทยอยู่หลายอย่างเลยในหลายๆด้านทั้งอาหาร การใช้ชีวิตเริ่มต้นแบบชิวๆ สบายๆ และสุดท้ายไปตายเอาดาบหน้า ตามแบบฉบับนักปฏิบัตินิยม หรือเรียกสั้นๆง่ายๆ ว่า ทำงานแบบไม่เน้นระบบ แต่เน้นลงมือทำ และไม่มีสูตรตายตัวนัก

ประเทศอิตาลี

Credit; Unsplash

อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากที่สุด โดยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก (และอันดับ 3 ในสหภาพยุโรป) หากวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) รวมทั้งมีทองคำสำรองในธนาคารมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และมีคุณภาพชีวิตประชากรสูง จากการมีระบบการศึกษาและสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจในด้านการทหาร, การทูต, การค้า และอุตสาหกรรม โดยมีขนาดกองทัพใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศผู้ร่วมก่อตั้งสหภาพยุโรป และยังเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ, เนโท, องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ, องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป, องค์การการค้าโลก, กลุ่ม 7, กลุ่ม 20, สหภาพเพื่อเมดิเตอร์เรเนียน, สภายุโรป และพื้นที่เชงเกน อิตาลียังเป็นต้นกำเนิดของสิ่งประดิษฐ์และการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มากมาย รวมทั้งเป็นศูนย์กลางทางศิลปะ, ดนตรี, วรรณกรรม, ปรัชญา และแฟชั่น และมีอิทธิพลต่อวงการบันเทิงโลก และยังมีจุดเด่นในด้านอาหาร, กีฬาและธุรกิจ รวมทั้งเป็นแหล่งสะท้อนความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม โดยเป็นประเทศที่มีแหล่งมรดกโลกมากที่สุดในโลก (58 แห่ง และมีนักท่องเที่ยวมากที่สุด – ข้อมูลจากวิกิพีเดีย

ต้องบอกเลยว่า ชาวอิตาลีมี Passion ในการใช้ชีวิตสูงมาก และการใช้ชีวิตตามแนวทางนี้นั่นเองที่ทำให้อิตาลีเริ่มต้นรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันหลังสงคราม นโปเลียน ระหว่างปี 1820-1840 ซึ่งเป็นช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมตอนนั้นอังกฤษรุ่งเรืองในด้านอุตสาหกรรมมาก แต่อิตาลียังรบกันอยู่ จนสุดท้ายจึงเกิดการรวมชาติกันอีกครั้งโดยปราศจากการรบจนประเทศเริ่มมีความมสงบสุข แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีชื่อประเทศ เพราะเป็นการรวมชาติที่เกิดจากการนำผู้คนที่มีการใช้ชีวิตเหมือนกัน ภาษาคล้ายกัน แต่ยังไม่พูดภาษาเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งมีการประดิษฐ์ภาษาอิตาลีเป็นของตัวเองได้ ชื่อประเทศจึงมาตอนนั้น ซึ่งมาจากภาษาละตินว่า “อิตาเลีย”(Italia) คือเป็นชื่อที่ชาวโรมันตั้งให้กับคาบสมุทรแห่งนั้น จึงได้ชื่อว่า อิตาลี จนถึงทุกวันนี้ และอิตาลีรวมชาติสำเร็จในปี 1871 นับเป็นช่วงก่อร่างสร้างตัวของประเทศ

จุดเปลี่ยนด้านการเมืองและเศรษฐกิจ 

Milan, Italy

ในช่วงฟื้นฟูประเทศหลังการล่มสลายของราชวงศ์และพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่2 สิ่งที่เป็นการบ้านใหญ่ของประเทศนี้คือ การเมืองและเศรษฐกิจ แล้วสิ่งที่ประเทศได้รับในช่วงเวลาหลังสงครามโลกก็คือ  Marshall Plan หรือเรียกอีกอย่างว่า โครงการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริการแก่ยุโรปตะวันตก ซึ่งอิตาลีถือว่าเป็นประเทศที่มีมุมมองในการจัดสรรเงินอย่างได้ยอดเยี่ยม จากผลสำรวจอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจหลังจาก 12 ปีให้หลัง 1950-1962 พบว่าเศรษฐกิจของอังกฤษ และฝรั่งเศสเติบโต 130% ในขณะเดียวกันอิตาลีมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 253% ซึ่งเป็นที่มาที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจ” (Miracolo Economico Italiano) ของอิตาลี และในปี 1986 ก็สามารถแซงประเทศอังกฤษได้สำเร็จ นั่นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากว่าอิตาลีทำอะไรกับเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่การเมืองล้มเหลวไม่เป็นท่า

Entrepreneurial Spirit สร้างเศรษฐกิจ

จากที่กล่าวไว้ข้างต้นเศรษฐกิจที่เติบโตสูงถึง 253% เราจะมาอธิบายกันว่า อะไรที่ทำให้เศรษฐกิจของอิตาลีเติบโตได้สูงกว่าอังกฤษ เมื่อทศวรรษ 50 ที่ผ่านมา อะไรที่เป็นสินค้าราคาถูก และเป็นสินค้าที่ไม่ซับซ้อนนัก อิตาลีรับรับผลิตหมดทุกอย่าง เช่น รถขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างเช่นเครื่องซักผ้าและตู้เย็น เนื่องจากค่าแรงมีราคาถูก และตัวดัชนีชี้วัดว่าอิตาลีมีกินมีใช้ในช่วงเวลาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ นับจากจำนวนครัวเรือนที่ถือครองเครื่องซักผ้าและตู้เย็นว่ามีมากแค่ไหน ซึ่งในช่วงเวลานั้นแบรนเครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่น หรือจีนยังไม่เข้ามาในยุโรป อิตาลีในตอนนั้นถือว่าประสบความสำเร็จในด้านเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปเป็นอย่างมาก

Vespa (แปลว่า ตัวต่อ) ถือเป็นหนึ่งในผู้พลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยบริษัท Piaggio บริษัทผู้ผลิตเรือดำน้ำ เครื่องบินในช่วงสงคราม ระดมสมองกันหารือในด้านการคมนาคมที่ลำบาก เพราะถนนในยุคนั้นยังไม่ได้รับการฟื้นฟูทั้งลูกรัง เล็กและแคบ ทำให้การเดินทางลำบาก จึงคิดผลิตรถเนื่องจากมีทรัพยากรทางความรู้และบุคคลที่พร้อมอยู่แล้ว โดยเลียนแบบจากรถสกูสเตอร์ของทหารอเมริกันในยุคนั้น แล้วนำออกไปเสนอให้กับ Piaggio รุ่นที่ 2 หลังจากได้เห็นโมเดลของรถรุ่นนี้แล้วเขาก็อุทานมันออกมาว่า ‘oh è una vespa'(โอ้ นี่มันรูปร่างอย่างกับตัวต่อเลย) หลังจากนั้นชื่อนี้ก็ได้ถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลในด้านเศรษฐกิจของอิตาลีในช่วงเวลานั้น ทั้งนี้ ยังมี FIAT, สินค้าแฟชั่น, อุสาหกรรมอาหารอื่นๆ เป็นต้น

ด้านอาหาร

Credit; Unsplash

ชาวอิตาลีให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารมากๆ เพระาเป็นช่วงเวลาสำคัญของครอบครัวที่ได้อยู่ร่วมกัน รวมไปถึงการได้สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ชาวอิตาลีจึงใช้ระยะเวลานานในการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาหารค่ำ ซึ่งยาวนานถึง 3-4 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว ทั้งเมนูเรียกน้ำย่อย อาหารจานแรกอย่างข้าว หรือพาสต้า ต่อด้วยจานหลักจำพวกเนื้อสัตว์ ตามด้วยสลัด และจบของหวาน หรือกาแฟ(ชาวอิตาลีดื่มกาแฟเก่งมากๆ) ส่วนอาหารกลางวันระหว่างพักจากการทำงาน ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจานเดียวแบบครบเพื่อความรวดเร็ว และช่วงสุดสัปดาห์เวลาสบายๆจะทำอาหารสังสรรค์กับเพื่อนๆและครอบครัวซึ่งอาจกินเวลายาวนานถึง 2-3 ชั่วโมงเช่นกัน ส่วนอาหารเช้านั้นนิยมรับประทาน แบบเบาๆ continental breakfast หรือเป็นกาแฟประเภทต่างๆ อย่าง คาปูชิโน่ มัคคีอาโต้ สเตร็ตโต้ ลุงโก้ ฯลฯ กับ brioche หรือขนมหวานอื่นๆ

อุตสาหกรรมอาหารของอิตาลีนับเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับอิตาลี โดยมียอดจำหน่าย(Turnover)ต่อปีประมาณ ๑๓๐ พันล้านยูโร มูลค่าการนำเข้า ๒๐ พันล้านยูโร มีความแข็งแกร่งด้านการส่งออกโดยมีมูลค่าการส่งออกเกินดุลทุกปีประมาณ ๒๓ พันล้านยูโร มีการบริโภคภายในประเทศประมาณ ๒๐๐ พันล้านยูโร ประกอบไปด้วยคนงานกว่า ๑๔๐,๐๐๐ คนในกว่า ๖ พันอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง นับเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อันดับที่สองของประเทศ รองจากวิศวกรรมเครื่องกลโลหะ(Metalmeccanical Industry) และคิดเป็นอันดับสามในยุโรป รองจากอุตสาหกรรมอาหารของเยอรมันและฝรั่งเศส

อิตาลีเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของ Soft Power มาช้านาน อุตสาหกรรมอาหารของประเทศอิตาลีนั้นแข็งแกร่งมาก โดยที่เราเองก็เติบโตมากับสิ่งต่างๆ รอบตัวที่มีเกี่ยวข้องกับอิตาลีอย่าง น้ำมันมะกอก ที่มีการส่งออกน้ำมันมะกอกที่เติบโตขึ้นทุกปี สปาเก็ตตี้ พิซซ่า คาโบนาร่า และอื่นๆ ทั้งยังปลูกองุ่นเป็นพืชหลักในด้านการเพาะปลูก นิยมปลูกไว้เพื่อทำไวน์

อุตสาหกรรม

The Bvlgari's store in Rome. Photo: bulgari.com
Bvlgari’s store in Rome

อุสาหกรรมของอิตาลีเกิดขึ้นได้ช้า จนกระทั่งในปี 1883 ถือกำเนิด BULGARI และปี 1899 FIAT เริ่มต้นด้วยการผลิตรถเป็นของตนเอง เนื่องจากทางอเมริการและเยอรมันเริ่มมีเป็นของตนเองแล้ว จากนั้นอิตาลีจึงเริ่มมีความรู้ด้านอุตาหกรรมเพิ่มขึ้น ไม่นานเมื่อมีรถยนต์ก็เริ่มมีการผลิตยางรถยนต์อย่าง Pirelli และเริ่มต้นผลิตอุตสาหกรรมที่ใหญ่ขึ้นอย่างรถไฟโดยบริษัทอย่าง Piaggio ที่เคยผลิตทั้งเรือดำน้ำ เครื่องบินรบ ซึ่งมาเปลี่ยนเป็น Vespa ในภายหลัง ณ เวลานั้นอุตสาหกรรมของอิตาลียังถือว่าตามหลังประเทศอื่นๆ อย่างเยอรมัน และอเมริกาอยู่มาก

ยังไม่พออิตาลีเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดของโลก จะมีการผลิตที่ก้าวหน้เป็นาบางส่วน เช่น เหล็กกล้า รถยนต์ พลังงานไฟฟ้า และเส้นใยสังเคราะห์ แต่ยังไม่ใช่ภาคส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม และการผลิตอุตสาหกรรมก็มักจะอยู่ทางภาคเหนือของอิตาลี

โรงงาน Piaggio ในปี 1887
ยางรถยนต์ Pirelli

อิตาลีเป็นสมาชิกกลุ่มจี 8 และเข้าร่วมสหภาพการเงินของสหภาพยุโรป (EMU) เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1998 แม้ระบบเศรษฐกิจของอิตาลีเป็นระบบทุนนิยม ที่ภาคเอกชนสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเสรี แต่รัฐบาลยังคงเข้ามามีบทบาทควบคุมกิจกรรมที่สำคัญ เช่น สาธารณูปโภค อุตสาหกรรมพื้นฐาน เป็นต้น ซึ่งได้ก่อประโยชน์ให้แก่ภาครัฐบาลในการสร้างฐานอำนาจ และแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมืองที่เข้าร่วมรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้มีความพยายามที่จะลดบทบาทของพรรคการเมือง โดยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการ แต่อิตาลียังมีปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศหลายอย่าง เช่น การขาดดุลงบประมาณในระดับสูง การว่างงาน การขาดแคลนทรัพยากรพลังงานในประเทศ และระดับการพัฒนาที่แตกต่างกันอย่างมากระหว่างอิตาลีตอนเหนือ (แคว้นลอมบาร์ดี เอมีเลีย-โรมัญญา และทัสกานี) ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมและการค้า และมีกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs อยู่หนาแน่น กับอิตาลีตอนกลางและตอนล่าง รวมทั้งเกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนีย ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรม บริเวณที่พัฒนาน้อยกว่านี้มีพื้นที่ประมาณ 40% ของพื้นที่ทั้งประเทศ โดยพื้นที่นี้มีประชากรอาศัยอยู่ถึงร้อยละ 35 ของประชากรทั้งประเทศ และมีอัตราการว่างงานสูงถึงกว่าร้อยละ 20

วัฒนธรรม

อิตาลีมีวัฒนธรรมที่คล้ายคนเอเชียโดยให้ความเคารพนับถือผู้สูงอายุ  การแสดงความเคารพและให้เกียรติผู้สูงอายุถือเป็นมารยาทที่ชาวอิตาเลียนชื่นชมมาก  การมอบดอกไม้ที่เป็นการแสดงความยินดีหรือขอบคุณเมื่อได้รับเชิญเป็นแขกควรให้เป็นช่อที่จำนวนเป็นเลขคู่ในการทักทายกับชาวอิตาเลียนที่ยังไม่คุ้นเคยควรให้คำ “Signore” นำหน้าชื่อสกุลผู้ชายและ “Signora” นำหน้าชื่อสกุลผู้หญิง เมื่อแนะนำตัวหรือเรียกขานผู้นั้นในที่ทำงานและการพบปะทางธุรกิจ เราจะต้องเรียกนามสกุล จนกว่าจะได้รับอนุญาตให้เรียกชื่อต้นได้และหากมีคำนำหน้าชื่อ จำเป็นต้องเอ่ยให้ถูกต้องทุกครั้ง  เมื่อได้พบปะรู้จักกับคนใหม่ๆ การทักทายด้วยการจับมือเป็นเรื่องปกติ  แต่บ่อยครั้งที่อาจนำมืออีกข้างมาจับที่แขนประกอบด้วย จึงไม่ต้องตกใจไป คนอิตาลีมักชื่นชมผู้ที่มีการศึกษา มีความสามารถ ประสบความสำเร็จในอาชีพ และให้ความสำคัญกับศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วรรณกรรม เพลง ไวน์ เสื้อผ้า อาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย และมีแหล่งมรดกโลกมากที่สุดในโลก ทั้งรวมหมด 58 แห่ง เป็นแหล่งที่สะท้อนความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม

ศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม ปรัชญา และแฟชั่น

ในยุคสหรัฐอเมริการุ่งเรืองในยุคนั้น หากจะมีใครสักคนที่สามารถส่งสินค้าไปขายให้กับอเมริกาได้ก็คงเป็น Gucci ตอนนั้นยังเป็นบริษัทผลิตเครื่องหนังที่ไม่ใหญ่มากนักคนอเมริกันกลุ่มแรกที่รู้จักก็คือเหล่าทหารอเมริกันที่มาแวะที่โรม และได้ซื้อกระเป๋าใส่สูทของ Gucci กลับไป จากนั้นไม่นานก็ได้ถูกชักชวนจากชาวอิตาเลี่ยนที่อาศัยอยู่ในอเมริกาให้มาเปิดร้านที่ฝั่งอเมริกา กระแสตอบรับเรียกได้ว่าท่วมท้นจนแทบขายไม่ทัน บวกกับเศรษฐกิจอเมริการในช่วงเวลานั้น ทำให้ Gucci มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่นิยมในเวลาอันรวดเร็ว JKF ได้ให้สมญานามว่า Gucci ถือเป็นเอกอัคราชฑูตของอิตาลีคนแรกที่ไปสู่อเมริกา ถือเป็นแบรนที่เปิดประตูสู่สินค้าของชาวอิตาเลี่ยนอีกมากมาย จากนั้นก็ตามมาด้วยแบรนสัญชาติดิตาลีอีกมากมาย ทั้ง Valentino, Prada, Fendi และอื่น ๆ

อีกหนึ่งแบรนที่ไม่พูดถึง เพราะถือเป็นประตูบานที่สองที่เปิดให้แบรนของชาวอิตาลีเป็นที่รู้จัก นั่นก็คือ Giogio Amarni เริ่มต้นจากการเป็นนักเรียนแพทย์ แต่ผันตัวมาเป็นนักออกแบบให้หลาย ๆ แบรน จนกระทั่งออกมาทำแบรนของตนเอง และจุดพลิกผันที่ทำให้ตัวแบรนโดดเด่นที่สุด เพราะนำเอาเสื้อผ้าให้กับนักแสดงนำในหนังเรื่อง American Gigolo (1980) ใส่ ซึ่งคนนั้นก็คือ ริชาร์ด เกียร์ และจากนั้น Giogio Amarni ก็กลายเป็นอีกหนึ่งแบรนที่ใคร ๆ ในยุคนั้นขอมีสักตัวไว้ติดตู้เสื้อผ้า

นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ ด้านดนตรี วรรณกรรม ปรัชญา และแฟชั่นที่สำคัญแล้ว อิตาลียังเป็นผู้มีอิทธิพลในด้านวงการบันเทิงของโลกอีกด้วย

อิตาลีเป็นประเทศเล็กๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมขนาดเล็ก(SME) มาโดยตลอด และมีคุณภาพชีวิตของประชากรที่สูงมาก ทั้งระบบการศึกษาชั้นเยี่ยม และสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย ถึงจะเหมือนคนไทยแค่ไหน แต่ก็มีความแตกต่างที่คนอิตาลีขับเคลื่อนชีวิตของเขาด้วย Passion ซึ่งเป็นผลดีที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของอิตาลีดีขึ้น

อ้างอิง กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว / ถอดบทเรียนการสร้างชาติอิตาลี

Advertisement

ภาพรวมตลาดโรงแรมในภูเก็ตปี 2565

ภาพรวมตลาดโรงแรมในภูเก็ตปี 2565

มร.คาร์ลอส มาร์ติเนซ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในปี 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาภูเก็ต 1.6 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากจำนวนเพียง 184,000 คนในปี 2564 คิดเป็นการเติบโต 778% ปีต่อปีเป็นผลมาจากข้อตกลงการเดินทางในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 กับประเทศคู่ค้าเช่น อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม และการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดในเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งกระตุ้นให้จำนวนผู้เดินทางไปยังภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น

นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย อินเดีย และรัสเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มักมาเที่ยวภูเก็ตเป็นประจำ อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักที่สำคัญที่สุด เข้ามาเพียงไม่กี่พันคน เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่เข้มงวด ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางทั้งขาออกและขาเข้า

ถึงแม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาภูเก็ตในปี 2565 คิดเป็นเพียง 30% ของจำนวนก่อนโควิดในปี 2562 แตค่าดการณ์ว่าจำนวนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากจีนได้ยกเลิกนโยบายโควิดในเดือนมกราคม 2566 และการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศดีขึ้นในปี 2566

อุปสงค์และอุปทาน

ในปี 2565 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังจากที่ประเทศกลับมาเปิดเต็มรูปแบบ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น 47% ในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นมาถึง 39% ปีต่อปี จากเดิม 8% ในปี 2564 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 48% ปีต่อปี จาก 2,686 บาท เป็น 3,974 บาทในปี 2565 ทำให้การฟื้นตัวของค่าเฉลี่ยรายได้ต่อห้องดีขึ้นอย่างมากจากจุดต่ำสุด 208 บาท เป็นอยู่ที่ 1,885 บาท ขณะที่ตลาดโรงแรมระดับลักซัวรี่และอัพสเกลในภูเก็ตมีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ในปี 2565  มีโรงแรมเปิดใหม่ในภูเก็ต 4 แห่ง ทำให้อุปทานของตลาดโรงแรมของภูเก็ตเพิ่มขึ้น 485 ห้อง ได้แก่ โนกุ ภูเก็ต (91ห้อง) โรงแรมสไตล์วิลล่ารีสอร์ทหรูตั้งอยู่บนเนินเขาห่างจากชายหาด และโรงแรมระดับกลาง 3แห่ง ได้แก่ โกลว์ มิรา กะรน บีช (154ห้อง) โจน๊อกซ์ ภูเก็ต กะรน (121ห้อง) และโรงแรมเกรซ ป่าตอง (119ห้อง) ทั้ง 3 แห่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ

ณ สิ้นปี 2565 จำนวนอุปทานห้องพักโรงแรมในภูเก็ตมีจำนวนทั้งสิ้น 44,024 ห้อง เพิ่มขึ้น1.1% ปีต่อปี และมีโรงแรมที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งน่าจะเพิ่มเข้ามาในตลาดอีกกว่า 2,000 ห้องภายในปี 2568

แอคคอร์เป็นกลุ่มโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต มีห้องพัก 4,410 ห้อง จากโรงแรมทั้งหมด 22 แห่ง ตามมาด้วยแมริออท 2,977 ห้อง และวินด์แฮม 1,808 ห้อง ในแง่ของพื้นที่ หาดป่าตองยังคงเป็นพื้นที่ที่มีอุปทานห้องพักมากที่สุด 36% รองลงมาคือ กะรน 18% กะตะ 12% ในยาง 8% บางเทา 8% และกมลา 7% ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของภูเก็ต

แนวโน้ม

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของภูเก็ตเติบโตอย่างมากระหว่างปี 2552 ถึง 2562 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา ซึ่งสูงถึง 5.3ล้านคนในปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเวลาดังกล่าวคิดเป็นอัตราการเติบโต 16.4% ต่อปี แต่การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้อุปสงค์ลดลงอย่างมากในปี 2563 และ 2564

ประเทศไทยยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางทั้งหมดในเดือนตุลาคม2565 อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่คำนึงถึงการฉีดวัคซีน ทำให้อุปสงค์เพิ่มขึ้น โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรายเดือนกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดจาก 30% ในเดือนมกราคม เป็น 83% ในเดือนธันวาคมสำหรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศ และจากนักท่องเที่ยงต่างชาติ 15% เป็น 59%

จีนเป็นกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดก่อนเกิดโรคระบาด ยกเลิกนโยบายโควิดในเดือนมกราคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนอุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

เรามองว่าภูเก็ตจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการกลับมาเปิดประเทศของจีน แม้มีปัจจัยอย่างที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวในปี 2566 เช่น ระยะเวลาการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีน และราคาตั๋วเครื่องบิน หากมองในแง่ดี ภาคการท่องเที่ยวของภูเก็ตจะกลับมาสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดภายในสิ้นปี 2566

ปี 2566 ผลการดำเนินงานของโรงแรมส่วนใหญ่จะได้รับแรงหนุนมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดกลุ่มบน อัตราการเข้าพักของโรงแรมคาดว่าจะสูงกว่าปีที่แล้ว แต่ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด อย่างไรก็ตาม ค่าห้องเฉลี่ยต่อวัน (ADR) จะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับก่อนเกิดโควิดจากการเปิดประเทศของจีน

Advertisement

เปิดตำรา มู(เตลู) 5 ของแต่งบ้าน เสริมเฮง

ต้อนรับเดือนแห่งความรักด้วยสายมู ความเชื่อเรื่องสิ่งของไม่เคยหายไปไหน ยิ่งในเรื่องของฮวงจุ้ยแล้ว ถือว่าสำคัญมาก ๆ เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งศาสตร์ความเชื่อในการตกแต่งบ้าน วางของต่างๆในบ้าน ให้น่ามอง เสริมพลังบวก และเสริมสิริมงคลให้ผู้อยู่อาศัยเฮงๆ เสริมความเจริญก้าวหน้า สุขภาพ เพิ่มโชคลาภตลอดปี ไนท์แฟรงค์พามาดูว่ามีอะไรบ้าง

1. ต้นไม้มงคล

การปลูกต้นไม้ฮวงจุ้ยไว้ตกแต่งบ้านก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สร้างความมงคลให้ตัวคุณได้ ที่สำคัญ นอกจากจะเป็นไอเทมหรือของตกแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยอีกด้วย เช่น การนำต้นไม้มงคลต่างๆ เหล่านี้มาใช้งานในฐานะของต้นไม้ฟอกอากาศปลูกในห้องนอน ต้นไม้ดูดกลิ่นในห้องน้ำ หรือไม้ประดับในร่มขนาดเล็ก  เป็นต้น

 ช่วยเสริมเรื่องอะไร?

ต้นไม้มงคลแต่ละต้นจะช่วยเสริมฮวงจุ้ยในเรื่องที่แตกต่างกัน ใครกำลังมองหาไว้จัดโต๊ะทำงาน หรือตกแต่งไว้ในห้องเสริมฮวงจุ้ย ขอยกตัวอย่างเช่น

  • ต้นโอลีฟ นำพาความร่ำรวยเข้ามาในชีวิต ทำสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จ นำพาความก้าวหน้ามาให้แก่ผู้ปลูกและคนในบ้านด้วย
  • ต้นยางอินเดียว เรียกเงินทอง โชคดี และความสำเร็จ ทั้งยังเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ ขจัดมลพิษ และลดความเครียดไปในตัวอีกด้วย
  • ต้นโป๊ยเซียน ช่วยเรื่องเงินทอง ความมั่งคั่ง
  • ต้นบอนสีขาว หรือราชินีใบไม้ ช่วยเสริมชื่อเสียงและอำนาจบารมี รวมถึงความเจริญรุ่งเรือง
  • ต้นโบตั๋นหรือต้นพุดตาน เสริมเสน่ห์ เสริมเมตตา

 ควรวางไว้ทิศทางไหน?

แนะนำเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้ เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์และความรัก จึงทำให้เหมาะจะปลูกต้นโบตั๋นในบริเวณนั้น เป็นตัวอย่าง


2. โหลปลาทอง

ตู้ปลาทองเป็นหนึ่งในของมงคลตกแต่งบ้านที่มีความโดดเด่นและสวยงามอย่างยิ่ง ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยที่ดี ตู้ปลาทองจะมีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยมีขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่วาง และจะต้องมีการเปลี่ยนน้ำสะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้ปลาทองที่เลี้ยงไว้มีสุขภาพแข็งแรงและช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลได้เป็นอย่างดี

 ช่วยเสริมเรื่องอะไร?

การมีตู้ปลาทองจะช่วยเสริมโชคลาภ วาสนาและความมั่งคั่ง นำพาความเจริญก้าวหน้ามาให้เจ้าของ ทั้งด้านการเงินและการงาน ทั้งยังช่วยดึงดูดทรัพย์ให้เข้ามาในบ้านเรื่อยๆ อีกด้วย

 ควรวางไว้ทิศทางไหน?

การวางตู้ปลาทองบริเวณทางเข้าบ้านถือเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะทางเข้า-ออกของบ้านเป็นจุดเปลี่ยนผ่านของพลังงานต่าง ๆ ตามหลักฮวงจุ้ยนั่นเอง


3. โมบายแขวน

Bamboo wind chimes

โมบายแขวน คือกระดิ่งที่แขวนอยู่ ในบริเวณนอกบ้าน ประตูหรือใกล้หน้าต่าง ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยแล้วโมบายที่เป็นกระดิ่งถือเป็นของที่เหมาะกับการเสริมมงคลอย่างยิ่ง

 ช่วยเสริมเรื่องอะไร?

ตามหลักการวางของมงคลตกแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว โมบายสามารถปัดเป่าพลังงานลบหรือสิ่งที่ไม่ดีออกจากบ้านได้ ในขณะเดียวกันยังช่วยดึงดูดเงินทองและสิ่งดีๆ เข้ามาอีกด้วย

 ควรวางไว้ทิศทางไหน?

แนะนำให้แขวนโมบายไว้บริเวณหน้าบ้าน หรือแขวนไว้ตรงบริเวณที่เป็นจุดรับลม เพื่อให้กระดิ่งเกิดการสั่นไหวบ้าง เพราะโมบายที่นิ่ง ไม่สั่นไหวนั้นจะไม่ช่วยแก้เคราะห์ได้ดีมากนัก


4. นาฬิกาแขวนผนัง

นาฬิกาแขวนผนังเป็นของตกแต่งบ้านที่หลายบ้านนิยมใช้ดูเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งถ้านาฬิกาแขวนผนังเป็นสีมงคลก็จะยิ่งช่วยสร้างความเป็นมงคลให้กับเจ้าของมากขึ้น โดยสีนาฬิกาแขวนที่นิยมใช้เป็นของมงคลตกแต่งบ้าน คือ สีครีม เหลืองอ่อน หรือชมพู

 ช่วยเสริมเรื่องอะไร?

นาฬิกาแขวนผนังจะช่วยเสริมดวงทางการเงินและปรับสมดุลภายในบ้านเพื่อให้เกิดความราบลื่น นอกจากนั้น ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว นาฬิกาแขวนยังช่วยสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและความสงบให้กับบ้านด้วย

 ควรวางไว้ทิศทางไหน?

ทิศที่ดีและแนะนำต่อการติดตั้งนาฬิกาแขวนผนัง คือ ทิศตะวันตก หรือ ทิศเหนือ

สำหรับผู้ที่ค้นหาที่พักอาศัยพร้อมอยู่ สามารถเลือกชมได้ที่ https://www.knightfrank.co.th/residential-property/new-projects


5. เครื่องหอม

เทียนหอมหรือเครื่องหอมเป็นของมงคลตกแต่งบ้าน ที่นอกจากจะช่วยไม่ให้บ้านไร้กลิ่นอับหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว ยังสร้างความผ่อนคลายให้กับคนในบ้านได้ ซึ่งเจ้าของบ้านบางคนอาจใช้ขวดน้ำหอมในการตกแต่งบ้านแทน โดยเฉพาะในห้องที่มักไม่มีเทียนอยู่ เช่น การวางน้ำหอมในห้องนอน

 ช่วยเสริมเรื่องอะไร?

เทียนหอมสามารถช่วยเสริมให้คนในบ้านนั้นมีแต่เรื่องดี ๆ และเสริมพลังบวกอีกด้วย

 ควรวางไว้ทิศทางไหน?

ทิศทางที่เหมาะกับการวางเทียนหอมคือทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศของธาตุไฟ ซึ่งจะคอยกระตุ้นพลังงานให้ไหลเวียนในบ้านได้ดีอีกด้วย


6. ภาพวาดเสริมพลังให้เจ้าของบ้าน

ไหน ๆ ก็ลงมือจัดบ้านรับปีใหม่แล้ว องค์ประกอบอย่างภาพวาดนอกจากจะช่วยเพิ่มสีสันแล้ว หากเลือกภาพวาดในลักษณะวิวทิวทัศน์ มีแม่น้ำ ลำธาร ทะเล หรือน้ำตก รู้ไหมว่าจะช่วยเสริมพลังงานที่ดีให้กับบ้าน โดยมีความเชื่อว่าจะกระตุ้นการไหลเวียนเงิน สามารถสร้างมั่งคั่งร่ำรวยให้กับเจ้าของบ้านได้

 ช่วยเสริมเรื่องอะไร?

กระตุ้นการไหลเวียนเงิน สร้างมั่งคั่งร่ำรวย ให้เจ้าของบ้านเจอแต่สิ่งดีๆ

 ควรวางไว้ทิศทางไหน?

แนะนำให้จัดวางให้อยู่ในพื้นที่มองเห็นได้บ่อย อย่างเช่น ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องทานอาหาร หรือห้องที่เราใช้เวลาส่วนใหญ่อยุ่กับมันนานๆ ไม่ควรวางหันให้รูปภาพออกไปทางประตูหน้าบ้าน

หากใครสนใจคอนโดมิเนียม เพิ่มเติมสามารถเลือกชมได้ ที่นี่

ติดตามข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่นดี ๆ ได้ทุกสัปดาห์ที่

Line ID: https://page.line.me/knightfrankth

Website: https://www.knightfrank.co.th

Facebook: https://www.facebook.com/knightfrankthailand

LinkedIn: (6) Knight Frank Thailand: Overview | LinkedIn

Youtube: https://www.youtube.com/@knightfrankthailand/featured

Twitter: https://twitter.com/knightfrankth

Advertisement

Protected: ส่องราคาออฟฟิศให้เช่า เส้นพระราม 9 – รัชดา

ออฟฟิศให้เช่าพระราม 9 สำนักงานให้เช่า
ออฟฟิศให้เช่าพระราม 9 สำนักงานให้เช่า

This content is password protected. To view it please enter your password below:

Advertisement

รีวิว ณ รีวา เจริญนคร คอนโด High Rise วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา บนทำเล Prime CBD

ย่านเจริญนคร ถึงแม้ว่าจะเป็นทำเลเก่าแก่ที่ไม่ค่อยถูกหยิบมาพูดถึง แต่ในเวลาที่ผ่านมาได้มีการลงทุนพัฒนา Mega project เข้ามาในทำเลนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมหน้าย่านเจริญนครไปจากเดิม ทั้งการนำห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม 5 ดาว และรวมไปถึงคอนโดมิเนียม ที่อยู่เรียงรายอยู่บนถนนเส้นนี้อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ย่านเจริญกรุง-เจริญนคร จึงมีความต่อเนื่องในด้านการพัฒนาเข้ามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คอนโด ณ รีวา เจริญนคร (Na Reva Charoennakhon) เป็นคอนโดใหม่ล่าสุดจาก บริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด ที่ออกแบบโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยตามไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ชวนสัมผัสที่สุดแห่งการอยู่อาศัย

คอนโด ณ รีวา เจริญนคร (Na Reva Charoennakhon) คอนโดมิเนียมสูง 29 ชั้น การออกแบบที่เหนือกาลเวลา ทั้งงานดีไซน์ และประโยชน์ใช้สอยตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ที่มุ่งสู่ย่านใจกลางธุรกิจอย่างถนนสาทรในเวลาเพียง 10 นาที ด้วยแรงบันดาลที่เหนือสายน้ำ ให้ความรู้สึกสงบด้วยวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาใจกลางเจริญนคร แต่ไม่ทิ้งความเป็นมหานครแห่งแสงสี

ตัวคอนโดที่ริมถนนเจริญนครช่วงประมาณซอยเจริญนคร 58 เยื้องๆกันเป็นโรงแรม avani+ riverside ที่มี community mall ขนาดใหญ่ 3 ชั้น แหล่งรวมร้านค้าร้านอาหารมากมาย มีทั้ง sizzler , starbucks,coffee club,s&p,Burger king,Boots,ธนาคารต่างๆ สำหรับใครที่อยู่แถวนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องของกิน และของใช้แน่นอน

การเดินทาง

โครงการ ณ รีวา อยู่ห่างสถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรีประมาณ 2.9 กิโลเมตร ถึงจะไกลรถไฟฟ้าแต่การเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกมาก หรือใครอยากเข้าเมืองข้ามไปฝั่งกรุงเทพฯ ก็ทำได้ง่ายๆด้วยสะพานกรุงเทพที่อยู่ใกล้ๆ หรือจะวิ่งออกเมืองเส้นสุขสวัสดิ์ พระราม 2 ก็สะดวกเช่นกัน

เดินทางด้วยรถยนต์ ถนนเจริญนครเป็นเส้นทางหลักที่ไปเชื่อมต่อกับถนนราชบูรณะ โดยจะผ่านแยก สำคัญ 2 แยกคือแยกกรุงธนบุรีที่สามารถใช้ถนนกรุงธนบุรีข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเชื่อมไปยังย่าน CBD อย่างสีลม-สาทร หรือจะไปทางฝั่งวงเวียนใหญ่เชื่อมแยกบุคคโลไปพระราม 3 ได้

เดินทางด้วยรถสาธารณะ สามารถเดินทางได้สะดวกหลายรูปแบบ ได้แก่ รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม สถานีกรุงธนบุรี อยู่ห่างจากพื้นที่โครงการณ รีวา เจริญนครประมาณ 2.9 กิโลเมตร และรถประจำทางสาย 111, 6, ปอ.6, 89, ปอ.89  

เดินทางโดยเรือโดยสารข้ามฝาก บริเวณใกล้ ๆ จะมีท่าเรืออนันตราเป็นท่าเรือที่อยู่ใกล้คอนโดประมาณ 400 เมตรเพื่อข้ามไปท่าเรือสาทร 

สาเหตุที่ถนนเจริญนครร้อนแรงขึ้นมามากหลายเท่า นอกจากเป็นเส้นเรียบแม่น้ำที่ใกล้ใจกลางเมืองแล้ว ยังเป็นเพราะการมาของห้าง iconsiam และ รถไฟฟ้าสายสีทอง ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์แถวนี้ถีบตัวสูงขึ้น และมีโครงการใหม่ๆเตรียมพัฒนาอีกมาก อย่างเช่น ศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยใหม่ ที่อยู่ห่างจาก ณ รีวา ออกไปประมาณ 1.8 กิโลเมตร แต่ที่น่าจะส่งผลโดยตรงก็คือ ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากับเอเชียทีค1 โดยตามแผนงานคือจะมีการพัฒนาที่ดินที่เหลือของเอเชียทีคเป็นอาคารสูงหลายอาคาร และหนึ่งในนั้นคืออาคารที่ติดอันดับสูงที่สุดของประเทศไทย และมากไปกว่าจะมีการพัฒนาเอเชียทีคทั้ง 2 ฝั่งเจริญนครนี้ โดยจะเชื่อมกับเอเชียทีค1 ด้วยการข้ามแม่น้ำ

สถานที่ใกล้เคียง

ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์มากมาย

  • SENA Fest 2.5 กม. 
  • The Lighthouse  2.8 กม. 
  • ICONSIAM 2.5 กม .
  • ไทยช่วยไทยพลาซ่า  2.1 กม.
  • The Mall ท่าพระ 2.3 กม. 
  • ตลาดเจริญรัถ  2.7 กม.
  • Asiatique The Riverfront 2.6 กม. 
  • Tree on 3 2.9 กม. 
  • Platform วงเวียนใหญ่  2.8 กม. 
  • Big C บางปะกอก  3.4 กม.
  • Vue  2.7 กม.
  • โรบินสัน บางรัก  3.5 กม.
  • Central พระราม 3  7.1 กม. 
  • Silom Complex  5.9 กม. 

ใกล้โรงพยาบาลชั้นนำ

  • รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า 900 ม. 
  • รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ 2.2 กม. 
  • รพ.ตากสิน  4.3 กม. 
  • รพ.เซนต์หลุยส์  4.6 กม. 
  • รพ.บางปะกอก  5.1 กม. 
  • รพ.จุฬาลงกรณ์ 6.7 กม. 

ใกล้สถานศึกษาบนถนนเจริญกรุง – สาทร

  • รร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย 4.4 กม. 
  • รร.วัดสุทธิวราราม  3.5 กม.
  • รร.อัสสัมชัญ บางรัก  3.9 กม. 
  • ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ  6.8 กม. 
  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  7.2 กม. 

ใกล้โรงแรมชั้นนำ

  • รร. มิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ 3.5 กม.
  • รร. เพนนินซูลา กรุงเทพฯ 2.9 กม.
  • รร. ชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ 3.4 กม.
  • รร. แมนดารินโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ 3.6 กม.
  • รร. เชียงการี-ลา กรุงเทพฯ 5.2 กม.

 Facility ณ รีวา เจริญนคร

Ground Floor

  • Garden (Orchard Garden , Herbs Garden)
  • Lobby
  • Co-Working Space
  • Grab and Go Space

7th Floor

  • Fitness
  • Private Trainer Room
  • Kid’s Room
  • Playground

29th Floor

  • Infinity-Edge Pool
  • Pavilion + Sky Seating Area

รายละเอียดโครงการ ณ รีวา เจริญนคร

คอนโดสูง 29 ชั้น บนที่ดิน 1-2-80.9 ไร่ มีทั้งหมด 253 ยูนิต มีที่จอดรถประมาณ 51% ห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 7 ไปถึงชั้น 28 โดยมีชั้นพิเศษ 14-21 เป็นชั้น Loft เป็นห้องแบบเพดานสูง (เพดานสูง 2.7 เมตร ในชั้นปกติ และ 4.45 เมตรในชั้น Loft)

ด้านหน้าเป็น Sale Galleryตั้งอยู่ที่ด้านหน้า ของที่ดินจริง ด้านข้างติดกับถนน ซอยเจริญนคร 58

เมื่อเข้ามาในโครงการจะพบกับพื้นที่รับรองแขก ผู้มาเยี่ยมชมโครงการให้นั่งพักคอยระหว่างรอชมตัวโครงการ

มีมุมนั่งเล่นไว้ให้เซลล์ให้ข้อมูล ใครสนใจสามารถเข้ามาเยี่ยมชมโครงการกันได้เลย

มีโมเดลคอนโดต้อนรับผู้มาเยือน ให้ลูกค้าสามารถเห็นภาพตัวโครงการได้อย่างชัดเจนขึ้น ห้องตัวอย่างด้านในมีให้ทั้งหมด 2 ห้อง ห้องแรกจะเป็นแบบ 1 Bedroom Loft D1 ขนาดพื้นที่ 30.45 ตารางเมตร (เฉพาะพื้นที่ด้านล่างไม่รวมพื้นที่ด้านบน) ห้องแบบ Loft เป็นห้องแรกในย่านทำเลนี้เป็นที่แรก

รูปแบบห้องพัก

  • 1 ห้องนอน ขนาด 32.50 – 33.30 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน ลอฟท์ ขนาด 29.65 – 38.35 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน เอ็กซ์คลูซีฟ ขนาด 38.75 – 45.65 ตารางเมตร
  • 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 52.40 – 55.70 ตารางเมตร
  • 2 ห้องนอน ขนาด 53.10 – 60.10 ตารางเมตร

1 Bedroom LOFT แบบ D1

ขนาดพื้นที่ 30.45 ตารางเมตร รวมกับพื้นที่ด้านบน 12.75 ตารางเมตร เท่ากับ 43.2 ตารางเมตร

เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับบริเวณห้องครัว พอมองเลยเข้าไปเป็นโซน Living เพดานสูงถึง 4.45 เมตร ห้อง1Dจะหันไปทางทิศเหนือ จะสามารถมองเห็นวิวโค้งน้ำได้เต็มๆตา

ด้านซ้ายมือจะเป็นตู้เย็นกับพื้นที่นั่งสำหรับใส่รองเท้าก่อนออกจากบ้าน ส่วนด้านบน Bulit-in ด้วยไฟแบบซ่อน ที่ทำให้ตัวห้องดูสบายตา และที่สำคัญแสงไม่สว่างจนแสบตาจนเกินไปอีกด้วย ตัวพื้นห้องครัวจะปูด้วยพื้นกระเบื้องเพื่อให้ทำความสะอาดง่าย

จะเห็นว่าตัวโซนห้องครัวและห้องนั่งเล่น ถูกแบ่งโซนเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน

โซนห้องครัวมีตู้ built-in ตู้เก็บของด้นบนไว้ให้ ทำให้มีพื้นที่เก็บของมากขึ้น

พื้นที่ครัวเป็นขนาดกระทัดรัด สามารถเก็บของได้เป็นสัดส่วน ง่ายต่อการใช้สอยในชีวิตประจำวัน

จะเห็นว่ามีที่เก็บของเยอะมาก ๆ ส่วนใต้อ่างล้างจานก็สามารถดึงที่เก็บของออกมาได้ ทำให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น

ชุดอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้าแบบสัมผัสและที่ดูดควันเป็นแบรนด์ MEX

ส่วนอีกฝั่งของด้านหน้าห้อง ทางโครงการติดตั้งชุดตู้เก็บของ และที่เก็บรองเท้าไว้ให้ ออกแบบมาให้ functional สามารถใช้งานได้สะดวก (ของจริงจะไม่ได้ตู้ด้านบน)

ตรงเข้ามาจะเจอกับโซนห้องนั่งเล่นเพดานสูงมากกกก(สำหรับคอนโด) ผนวกกับตัวหน้าต่างที่มีตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ทำให้ตัวห้องดูกว้างและโปร่งสบายมากยิ่งขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัดหรือคับแคบเลย

เพดานสูง 4.45 เมตร แต่ในห้องตัวอย่างจะเป็น Type ที่ไมได้เป็นกระจกบานเต็มความสูง

เมื่อนำผ้าม่านลงก้ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมาก ๆ เลย

ห้องน้ำจะอยู่ข้างใต้บันไดทางขึ้น พื้นที่ส่วนใต้บันไดก็ไม่ปลอยให้เสีบเปล่า ทำเป็นตู้เสื้อผ้าแล้วฝังเป็นตัวผนังตู้โชว์แทน เป็นการใช้สอยพื้นที่ได้คุ้มค่ามาก

บริเวณด้านหน้าห้องน้ำ ประตูห้องน้ำกว้างมากกกก ทำให้ไม่รู้สึกถูกจำกัดในพื้นที่เล็กๆเลย

บริเวณด้านในห้องน้ำใช้เป็นกระเบื้องสีขาวสะอาดตา ทำให้ตัวห้องน้ำดูโปร่งแล้วกว้างขึ้น มีฉากกั้นไว้สำหรับอาบน้ำพร้อมด้วย Rain Shower

สุขภัณฑ์เป็นแบรน TOTO ซึ่งเป็นแบรนคุณภาพจากทางญี่ปุ่น ที่ได้รับการไว้วางใจมาอย่างยาวนาน

กระจกเป็นตู้ที่สามารถเก็บของได้ทางด้านหลัง สามารถเก็บของได้ทั้งตู้บนและล่าง

มุมมองหลังออกจากห้องน้ำแล้ว เดินตรงมาบริเวณโต๊ะกินข้าวก่อนเลี้ยวขวาเพื่อขึ้นบันได

มุมจากหน้าต่างมองขึ้นไปบนชั้นสองของห้อง

เมื่อขึ้นบันไดมาแล้วมองลงมาด้านล่าง

เมื่อเดินขึ้นมาด้านบนจะเจอกับโต๊ะทำงานหรือจะทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้ ด้านหลังเป็นตู้โชว์ หรือตู้เสื้อผ้าก็ได้

พื้นที่ระหว่างตู้เสื้อผ้าและเตียงนอน เพดานบริเวณชั้น 2 ไม่ต่ำจนรู้สึกอึกอัด คน 179 ซม.สามารถยืนได้สบายๆ

มุมมองเตียงนอน มองเห็นหน้าต่างบานใหญสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้อย่างชัดเจน

เมื่อมองลงไปจากด้านบน ให้รู้สึกของความเป็น Loft สุดๆ

2 Bedroom Type C2 ขนาด 53 ตารางเมตร

เป็นห้องที่หันหน้าเข้าหาแม่น้ำ มีแค่ชั่นละ 1 ห้องเท่านั้น กระจก 2 ด้าน 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ

เปิดประตู้เข้ามาก็จะเจอกับโซนครัว เชื่อมต่อไปทาง Living ไปจนถึงระเบียงด้านนอกที่มีกระจกบานเลื่อนถึง 4 ตอนด้วยกัน สามารถชมวิวแม่น้ำสวยๆ ได้แม้นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

บริเวณห้องนั่งเลย รับกับหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้เต็ม ๆ ตา ระเบียงด้านนอกก็กว้างมากกก สามารถวางต้นไปเล็กๆ ปลูกให้ร่มรื่นสายตาได้

ถึงจะติดกับโซนครัว แต่ทางโครงการก็แบ่งสัดส่วนได้อย่างดี ทำให้การอยู่อาศัยไม่น่าอึดอัด หรือดูอัดแน่นกันจนเกินไป

ภาพรวมของบริเวณห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องทานอาหาร เคาน์เตอร์ครัวเป็นแบบ L Shape ส่วนตู้ด้านบนสูงถึงเพดาน 2.70 เมตร

พื้นที่สำหรับวางของมีขนาดกำลังดี ด้านล่างมีช่องไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าได้ด้วย

อ่างล้างจากหันหน้าออกแม่น้ำ ล้างจานไปดูวิวสวยๆไป การล้างจานจะไม่ยากสำหรับคุณอีกต่อไป ส่วนชุดเครื่องครัวใช้เป็นแบรน MEX เหมือนกับกับห้องแรก

ลิ้นชักก็มีความอเนกประสงค์ สามารถใช้งานได้หลากหลาย เก็บของจุกจิกได้มากมาย

บริเวณห้องทานอาหาร รูปที่สองจะสามารถมองเห็นห้องนอนใหญ่กับห้องนอนเล็กได้ด้วย

ห้องน้ำรวมด้านนอก อยู่บริเวณซ้ายมือมือเปิดประตูเข้าห้องมา อยุ่ด้านหลังเก้าอี้ทานข้าวที่หันหน้าออกรับวิวแม่น้ำ สุขภัณฑ์เป็นของแบรน OTTO เช่นเดียวกันกับห้องแรก มีฉากกั้นห้องอาบน้ำไว้กั้นเปื้อนเป็นอย่างดี

มุมมองก่อนเดินเข้าห้องนอนใหญ่ จะมองเห็นพื้นห้องครัวและห้องนั่งเล่นแตกต่างกัน พื้นครัวจะเป็นพื้นกระเบื้องที่ไว้สำหรับทำความสะอาดได้ง่ายกว่า

เมื่อเข้ามาด้านในห้อง Master Bedroom ตัวห้องจะมีห้องน้ำในตัวให้ด้วย ถือว่าเป็นห้องใฆย่ที่ครบครัน

ด้สนในห้องน้ำของตัวห้องนอนใหญ่ ใช้เป็นกระเบื้องสีขาวเช่นเดิม ให้ความรู้สึกกว้างและสะอาดตา กระจกเหนืออ่างล้างหน้าก็สามารถเปิด-ปิดเก็บของได้ด้วย

บริเวณปลายเตียงนอนสามารถติดทีวีกับผนังได้ แต่ไม่แนะนำให้วางของปลายเตียง เพราะบริเวณนี้แคบมาก ห้องนี้จะใช้หน้าต่างถึงสองทิศ โดยหันหน้าเข้าถนนได้เป็นบานใหญ่เกือบเต็มความสูง

ส่วนหน้าต่างอีกบานเป้นบานกระทุ้งขนาดไม่ใหญ่มาก ประมาณครึ่งความสูงของห้อง

บริเวณด้านหน้าห้องน้ำเป็นโต๊ะสำหรับแต่งหน้า และด้านขวาของโต๊ะจะเป็นตู้เสื้อผ้า ทางโครงการออกแบบมาเพื่อการใช้สอยที่สะดวกจริง ๆ

ด้านในของตู้ก็เก็บของได้เยอะมาก ๆ สามาารถเก็บของให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น

ถัดมาห้องด้านข้างเป็นห้องนอนเล็ก เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับตู้เสื้อผ้าก่อนเลย

ถัดมาเป็นบริเวณเตียงนอนและโต๊ะเครื่องแป้ง/โต๊ะทำงาน ที่หันหน้าออกด้านนอกหน้าต่าง มีหน้าต่างเป็นแบบบานกระทุ้งให้ 1 บานไว้ระบายอากาศได้ ห้องตัวอย่างวางเตียงเล็กขนาดได้ 1 เตียง

บริเวณตู้เสื้อผ้าจะเห็นว่าค่อนข้างเล็กแต่เก็บเสื้อผ้าได้หลากหลาย สาวๆที่เสื้อผ้าเยอะสามารถซื้อตู้มาเสริมได้ ทั้งนี้ห้องนอนเล็กเป็นห้องที่ไม่มีห้องน้ำในตัว แต่สามารถใช้ห้องน้ำด้านนอกที่อยู่กับตัวห้องก็สะดวกเช่นกัน

สำหรับใครที่สนใจโครงการนี้คอนโดใหม่ย่านเจริญนคร วิวแม่น้ำเจ้าพระยา 360 องศา โครงการ คอนโด ณ รีวา เจริญนคร (Na Reva Charoennakhon) คอนโด High-Rise ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุ้มค่าในด้านของทำเล วิวติดแม่น้ำ สิ่งอำนวยความสะดวก แถมราคายังเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาท สามารถนัดหมายเพื่อเข้าชมโครงการได้ทุกวันได้ที่ลิ้งค์ด้านล่าง หากต้องการเข้าชมสามารถไปได้เลยที่สำนักงานขาย หรือลงทะเบียนรับสิทธิ์พิเศษได้ที่นี่ ครั้งหน้าไนท์แฟรงค์จะนำเรื่องราวอะไรมาฝากกันอย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ

รายละเอียดโครงการเพิ่มเติมคลิก! >> คอนโด ณ รีวา เจริญนคร (Na Reva Charoennakhon)

Advertisement

รวม 20 ร้านเด็ด มิชลิน ไกด์ จากสตรีทฟู้ดของไทยทั้ง 4 ภาค ปี 2566

เมื่อเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุขที่ทุกคนต่างออกไปท่องเที่ยว และหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานกัน วันนี้เราเลยจะมาอัปเดตร้านอาหารสตรีทฟู้ดคุณภาพดีราคาย่อมเยาที่ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับสัญลักษณ์ “บิบ กูร์มองด์” (Bib Gourmand) ประจำปี 2566 จาก มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ฉบับประจำปี 2566 (The MICHELIN Guide Thailand 2023) มาดูกันว่าแต่ละภาคจะมีร้านอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

**บิบ กรูมองด์ (BIB GOURMAND) คือ รางวัลที่ทาง Michelin มอบให้กับร้านอาหารอร่อยและราคาสมเหตุสมผล (Good Cuisine at a Reasonable Price) ซึ่งเป็นหมวดหลักที่สำคัญไม่แพ้หมวดดาวมิชลิน (STARS)**

ภาคเหนือ

จังหวัด: เชียงใหม่

บิบ กูร์มองด์: ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา
  • บุศริน ร้านน้องใหม่ในเครือ Magnolia Café คัดเมนูมาเฉพาะอาหารเหนือยอดนิยม ปรุงตามตำรับครอบครัว ที่อร่อยโดดเด่นต้องยกให้แกงฮังเลหมู เสิร์ฟพร้อมโรตีและอาจาด เนื้อหมูนุ่มชุ่มฉ่ำเพราะเคี่ยวในน้ำแกงนานถึงสองวัน อาจาดที่นี่รสแปลกไม่เหมือนใครเพราะใช้น้ำมะนาวสดแทนน้ำส้มสายชู และยังมีเมนูสุดสร้างสรรค์อย่างข้าวเหนียวสังขยาหน้าปลาแซลมอนป่น หอมกลิ่นหอมเจียว ข้าวเหนียวหวานน้อย หากอยากรู้รายละเอียดจานไหนก็สอบถามได้ เพราะเชฟบุศรินจะออกมาทักทายถึงโต๊ะเมื่อว่างจากงานครัว – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
ร้านบุศริน
  • มาเด สโลว์ฟิช มาเด ในภาษาใต้ แปลว่า “มาสิ” เพื่อสื่อถึงการเชื้อเชิญมาชิมของอร่อยในบรรยากาศเป็นกันเอง เป็นร้านที่ถือกำเนิดจากความรักในอาหารทะเลและความต้องการสนับสนุนกลุ่มชาวประมงรายย่อยในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะชุมพร ส่วนผักผลไม้ตามฤดูกาลนั้นเลือกสรรจากผลผลิตอินทรีย์ของเกษตรกรในพื้นที่ เมนูจึงหมุนเวียนไปตามวัตถุดิบสดๆ ประจำวัน ใช้เทคนิคการปรุงแบบเรียบง่ายที่เน้นรสอร่อยตามธรรมชาติจากท้องทะเล เมนูช่วงเย็นจะมีให้เลือกมากกว่า แนะนำให้ลองอาหารทะเลประจำวันย่างสดๆ ที่เพียงจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซบก็อร่อยเลิศ ร้านอาหารที่นำเสนอเมนูอาหารทะเลสดใหม่ด้วยวัตถุดิบที่ส่งตรงจากกลุ่มชาวประมงรายย่อยในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะชุมพร ส่วนผักผลไม้ตามฤดูกาลนั้นเลือกสรรจากผลผลิตอินทรีย์ของเกษตรกรในพื้นที่ ขณะที่ซอสและเครื่องจิ้มต่าง ๆ ทำเองโดยปลอดวัตถุกันเสีย – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
มาเด สโลว์ฟิช

ภาคอีสาน

จังหวัด: นครราชสีมา

บิบ กูร์มองด์: ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา
  • เป็นลาว จากจุดเริ่มต้นที่เป็นร้านเล็กๆ แต่ด้วยรสชาติอาหารที่มัดใจลูกค้า ร้านเป็นลาวจึงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เสิร์ฟอาหารอีสานต้นตำรับมาแล้วกว่าสิบปี ภายในร้านโปร่งโล่งเพราะออกแบบให้เป็นเพดานสูง เลือกนั่งได้ทั้งด้านในและด้านนอกที่มีเสียงจั๊กจั่นและทิวเขาเขียวครึ้มเป็นของแถมแสนรื่นรมย์ ทางร้านทำเครื่องปรุงต่างๆ เอง ทั้งปลาร้า น้ำพริก และซอสปรุงรสต่างๆ แนะนำให้ลองแกงลาว (เห็ดสามอย่าง) ที่มาพร้อมรสหวานธรรมชาติของเห็ดและบวบ ปรุงในน้ำซุปรสแซบสไตล์อีสานแท้ๆ – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
  • ลาบสมพิศ ร้านลาบในซอยเล็กๆ เปิดบริการ ณ ทำเลเดิมแห่งนี้มากว่า 50 ปีแล้ว เสิร์ฟอาหารอีสานจำพวกลาบ ก้อย น้ำตก รสชาติอย่างต้นตำรับ ตั้งชื่อตามคุณสมพิศเจ้าของร้าน ที่ลงมือเตรียมวัตถุดิบเองทุกวัน ทุกจานปรุงด้วยความตั้งใจและรู้สึกได้ถึงความสดใหม่ของเครื่องปรุงที่เลือกใช้ โดยเฉพาะเนื้อและเครื่องในวัว เมนูพิเศษที่ต้องใช้เวลาอย่างหม่ำ ส้มเนื้อ ส้มหมู อาจมีเสิร์ฟเพียงบางวัน แต่อร่อยเด็ดและไม่ควรพลาดจริงๆ แนะนำให้รีบมาแต่เนิ่นๆ เพราะช่วงมื้อกลางวันคนแน่นจนต้องเข้าคิว – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
ลาบสมพิศ

จังหวัด: ข่อนแก่น

บิบ กูร์มองด์: ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา
  • มีกินฟาร์ม ขับรถมาอีกครึ่งชั่วโมงจากตัวเมืองขอนแก่น ที่นี่เป็นทั้งฟาร์มออร์แกนิกและร้านอาหาร อีกทั้งยังมีเวิร์กช็อปต่างๆ และบริการฟาร์มสเตย์ครบครัน มีกินฟาร์มปลูกผักและผลไม้หลากหลายชนิด เลี้ยงเป็ดและไก่เอง ทีมครัวใช้เทคนิคการปรุงเรียบง่ายแต่ได้จานอร่อยที่เน้นรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบ อย่างปลานิลสดๆ นำมานึ่งให้สุกพอดี เสิร์ฟพร้อมแจ่วพริกสดเผ็ดหอมและผักพื้นบ้าน เมนูสิ้นคิดแต่อร่อยถูกปากทุกคนอย่างไข่เจียวของที่นี่เลือกใช้ไข่เป็ดสดใหม่ เจียวได้ฟูกรอบจนอยากขอเพิ่มอีกจาน – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
มีกินฟาร์ม
  • คุณแจง ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเข้าวัง แวะชิมเมนูหลากหลายที่ต้องใช้ความชำนาญในการกวาดแป้งนุ่มๆ ร้อนๆ บนผ้าขาวที่ขึงเหนือหม้อน้ำเดือด คุณแม่ของเจ้าของร้านเป็นต้นตำรับข้าวเกรียบปากหม้อและสาคูไส้หมู เคยทำขายในกรุงเทพฯ มากว่า 30 ปีและถูกเรียกไปเสิร์ฟในวัง มีตั้งแต่เมนูกินเอาอิ่มอย่างก๋วยเตี๋ยวปากหม้อที่มีให้เลือกทั้งแบบต้มยำและแบบแห้ง พร้อมของทานเล่นอย่างสาคูไส้หมูและขนมกุยช่ายปากหม้อ ทุกอย่างทำสดๆ ใหม่ๆ หน้าร้าน รสดีนุ่มนวล อร่อยติดใจ – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
คุณแจง ก๋วยเตี๋ยวปสกหม้อเข้าวัง

จังหวัด: อุบลราชธานี

บิบ กูร์มองด์: ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา
  • แพอารยา หากชอบเมนูปลาแม่น้ำ ต้องไม่พลาดที่นี่ ตัวร้านเป็นแพขนาดใหญ่ ลมพัดเย็นสบาย เปิดบริการมากว่า 30 ปี ทางร้านคัดสรรปลาน้ำจืดสดๆ จากแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูล มีทั้งปลาปึ่ง ปลาบึก ปลาเนื้ออ่อน ปลาคัง ปลาเผาะ แนะนำให้ลองต้มยำปลาคัง เนื้อแน่นหนังนุ่มเคี้ยวอร่อย อู๋ไข่ปลาเป็นอีกเมนูแนะนำ เพราะหอมกลิ่นสมุนไพรสด หารับประทานค่อนข้างยากเพราะเป็นอาหารพื้นบ้านที่มีเฉพาะฤดูกาล ควรมาก่อนเวลาพระอาทิตย์ตกเพื่อชมวิวแม่น้ำโขงยามเย็นและมองเห็นฝั่งประเทศลาวได้ด้วย – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์

จังหวัด: อุดรธานี

บิบ กูร์มองด์: ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา
  • ครัวคุณนิด ตัวร้านโปร่งโล่งโอ่โถง และสะอาดสะอ้านน่านั่ง เป็นร้านขวัญใจคนท้องถิ่นกลุ่มครอบครัวมากว่า 40 ปี เพราะเน้นที่วัตถุดิบสดใหม่และออกแบบเมนูให้ชูความโดดเด่นของอาหารอีสานตามฤดูกาล รวมทั้งเมนูอีสานคลาสสิก ไฮไลท์อยู่ที่จานเด่นอย่างปลาส้มทอด และลาบปลาตองที่หอมกลิ่นใบตองย่าง พนักงานบริการด้วยรอยยิ้ม สามารถสั่งเครื่องดื่มจากคาเฟ่หน้าร้านได้ หากติดใจรสชาติอาหารก็ยังซื้อวัตถุดิบอย่างน้ำพริกต่างๆ ติดไม้ติดมือกลับไปปรุงต่อที่บ้านได้ – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
ครัวคุณนิด
  • ป้ง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นเจ้าเก่าแก่ใกล้มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอุดรธานี ที่ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ทางร้านเลือกใช้เป็ดไล่ทุ่ง นำมาตระเตรียมเพื่อทำเมนูยอดนิยมอย่างก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวหน้าเป็ด แต่ก็มีเมนูหมูตุ๋นรสเด็ดไว้บริการเพิ่มเติม เนื้อเป็ดตุ๋นจนนุ่ม ฉ่ำน้ำปรุงรส เลือดเป็ดนุ่มอร่อยไม่คาว เพิ่มรสจัดจ้านอีกนิดด้วยน้ำส้มพริกตำที่เสริมรสหวานเค็มกลมกล่อมได้ดีเยี่ยม – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์

ภาคกลาง

จังหวัด: กรุงเทพฯ และปริมณฑล

บิบ กูร์มองด์: ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา
  • กินกับก้อย เชฟเจ้าของร้านมีประสบการณ์ทำร้านอาหารทะเลมายาวนาน ผนวกกับความรู้ที่สั่งสมจากกิจการค้าส่งอาหารทะเลของครอบครัว ทำให้มั่นใจได้ว่าเมนูทะเลของที่นี่ไม่เสียชื่อแน่นอน บริเวณรับประทานอาหารแบ่งเป็นโซนเครื่องปรับอากาศในห้องกระจกและโซนโอเพ่นแอร์ให้รับลมธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองโซนสามารถชมวิวท้องทุ่งและต้นไม้ได้เช่นเดียวกัน เมนูแนะนำคือสะตอผัดกะปิเนื้อปูก้อน ที่เลือกใช้เนื้อปูสดหวานชิ้นใหญ่เต็มคำ กุ้งแม่น้ำเผาเป็นอีกเมนูที่ห้ามพลาด เนื้อกุ้งสดและสุกพอดี มันกุ้งเยิ้มน่ากิน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสจัด คุ้มค่าแก่การขับรถมากินอย่างยิ่ง – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
กินกับก้อย
  • แปโภชนา ร้านขวัญใจคนท้องถิ่นที่ตั้งชื่อตามพ่อครัวมือเก๋าเจ้าของร้านแห่งนี้อยู่ในตลาดระแหง ตลาดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีของปทุมธานี ต้องจอดรถแล้วเดินเข้าตลาดไปที่ร้าน เปิดบริการมากว่าครึ่งศตวรรษ มีที่นั่งให้เลือกทั้งโซนศาลาริมคลอง และโซนด้านใน เสิร์ฟอาหารตำรับไทย-จีน ที่อร่อยเด็ดทุกจานจนอยากกลับมาลองซ้ำอีก เฮียแปพ่อครัวเจ้าของร้านยังลงมือปรุงด้วยตัวเอง ใช้วัตถุดิบสดใหม่จากตลาดท้องถิ่น ทำปลากรายขูดเอง จานห้ามพลาดคือหมูจ๊อ (หมูสับห่อฟองเต้าหู้ทอด) ผัดขี้เมาปลากราย และปลาช่อนแดดเดียวทอด ร้านเปิดถึงบ่ายต้นๆ เท่านั้น และหลายเมนูมักจะหมดก่อน แนะนำให้มาแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
  • สามล้อ เชฟโจและเชฟซากิ สองสามีภรรยาเลือกนำเสนออาหารไทยที่คุ้นเคย กินง่าย แต่ยกระดับให้มีความพิเศษ ใส่ใจกับเทคนิคการปรุง จัดเสิร์ฟอย่างประณีตบรรจง อีกทั้งยังคัดสรรวัตถุดิบพิเศษจากหลายแหล่งทั่วไทย มีทั้งเมนู a la carte ที่มีคอมฟอร์ตฟู้ดอย่างเบอร์เกอร์ ผัดไทย ผัดกะเพรา อย่าลืมเช็กเมนูพิเศษประจำวันและอาหารทะเลประจำวันบนกระดานดำภายในร้านที่เปลี่ยนไปตามวัตถุดิบสดๆ ของวันนั้น อีกทั้งยังมี Tasting menu (ต้องจองล่วงหน้า) หลากหลายคอนเซปต์ในช่วงปี – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
สามล้อ
  • อรุณวรรณ หากนึกถึงเมนูอร่อยหากินยากอย่างตือฮวนเกี้ยมฉ่าย ร้านอรุณวรรรณ คงอยู่ลำดับต้นๆ ในใจใครหลายคน เปิดบริการมาแล้วกว่า 60 ปี ยังใช้ตำรับตือฮวนเกี้ยมฉ่ายที่ตกทอดกันมาในครอบครัว ปัจจุบันควบคุมคุณภาพโดยทายาทรุ่นลูก จุดเด่นของที่นี่คือผักกาดดองรสนุ่มนวลไม่เปรี้ยวจัด เครื่องในรสดีไม่มีกลิ่นคาว น้ำซุปกระดูกหมูหอมหวานซดคล่องคอ – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์

อยุธยา

บิบ กูร์มองด์: ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา
  • กินลูกเดียว ตัวร้านตกแต่งเรียบง่ายเน้นสไตล์ธรรมชาติ พร้อมครัวเปิดกลางร้าน อาจได้อาหารช้าสักนิดแต่เข้าใจได้เพราะทางร้านทำวัตถุดิบแทบทุกอย่างเอง ได้ยินเสียงโขลกน้ำพริกแกงกันสดๆ ในครัว ปลาตะเพียนไร้ก้างทอดกระเทียมคือเมนูที่ใครๆ ก็สั่ง ปลาถูกเลาะก้างและหมักเกลือไว้ล่วงหน้า ก่อนนำไปทอดจนฟูกรอบ เค็มปะแล่ม เขียวหวานปลากรายผัดแห้งปรุงรสมาได้พอดี ลูกชิ้นปลากรายทำเองเนื้อนุ่มเด้ง หวานหอมกะทิและหอมกลิ่นสมุนไพรสด ทุกจานคุ้มค่าคุ้มราคา จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนยอมขับรถราว 40 กิโลเมตรจากตัวเมืองมาถึงที่นี่ – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
กินลูกเดียว
  • โอโภชนา ไม่แวะไม่ได้จริงๆ สำหรับร้านเล็กๆ ในบ้านไม้ริมแม่น้ำน้อยที่โด่งดังหลังนี้ เมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยพื้นบ้าน ใช้ปลาและกุ้งที่จับจากแม่น้ำหน้าร้านนั่นเอง เรียกว่าไม่สดก็ให้รู้กันไป แน่นอนว่าฝีไม้ลายมือในการปรุงก็สำคัญไม่แพ้กัน ที่นี่ปรุงทุกจานได้อร่อยเด็ด กุ้งแม่น้ำทอดกระเทียมพริกไทยนั้นอร่อยมาก กรุ่นกลิ่นไฟเตาถ่าน อีกเมนูเด็ดของร้านคือปลาเนื้ออ่อนทอดน้ำปลา เนื้อปลาสดหวานเพราะใช้ปลาธรรมชาติจากแม่น้ำน้อย ทอดเตาถ่านจนกรอบอร่อยเป็นพิเศษ – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
โอโภชนา
  • ก๋วยเตี๋ยวเรือไก่ฉีก (ร้านอาหารริมทาง) ป้าปุ๊ในวัยเลขแปดกลางๆ แต่ยังแข็งแรงและยิ้มแย้ม เสิร์ฟความเก๋าในทุกชามที่ปรุงเพราะป้าขายก๋วยเตี๋ยวเรือมาตั้งแต่ยังวัยทีน น้ำซุปรสเด็ด กลมกล่อมพอดิบพอดีแบบไม่ต้องเติม ตำรับเด็ดของป้าคือก๋วยเตี๋ยวเรือไก่ฉีกทั้งต้มยำ น้ำใส (คนท้องที่เรียก “ต้มจืด”) และแบบแห้ง ใครกิน “ไข่อ่อน” เป็นก็จะยิ่งอร่อยกับก๋วยเตี๋ยวป้าปุ๊ แถมยังมีก๋วยเตี๋ยวหมูแดงและเย็นตาโฟรสเด็ดให้เลือกเพิ่มเติม – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
ก๋วยเตี๋ยวเรือไก่ฉีกป้าปุ๊

ภาคใต้ 

จังหวัด: ภูเก็ต

บิบ กูร์มองด์: ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา
  • กอจ๊าน หมายถึง อวนจับปลา เป็นร้านเล็กๆ ที่ดูแลกิจการกันเองภายในครอบครัว เสิร์ฟอาหารปักษ์ใต้ต้นตำรับรสจัดจ้านถึงใจ ใช้วัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่น โดยเฉพาะอาหารทะเล บางตำรับหาได้เฉพาะที่ร้านนี้เท่านั้น ภายในร้านจะมีกระดานเขียนแจ้งเมนูพิเศษประจำวัน แกงเหลืองแบบปักษ์ใต้นั้นอร่อยเป็นพิเศษ กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์จากน้ำพริกแกงทำเอง อีกเมนูที่ไม่ควรพลาดคือห่อหมกเนื้อปู แม้ต้องรอนานสักหน่อยแต่อร่อยแน่ด้วยน้ำพริกแกงตำเองและเนื้อปูสดที่ใส่มาแบบไม่หวงเครื่อง – ความคิดเห็นของ มิชลิน ไกด์
กอจ๊าน

จังหวัด: พังงา

บิบ กูร์มองด์: ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา
  • ครัวหลวงเทน จากร้านเล็กๆ ริมทาง ขยับขยายเป็นตัวร้านถาวรที่กว้างขวางขึ้น ห่างจากร้านเดิมไปเพียง 700 เมตร มีครัวเปิดอยู่ทางด้านหลังจึงสามารถชมพ่อครัวและลูกทีมปรุงอาหารกันสดๆ ฝีมือการปรุงของหลวงเทน หรือคุณอุเทน เดชสุข ยังคงเด็ดขาด ได้รสชาติครัวใต้ที่ครบเครื่องในราคาเป็นมิตร ถามน้องพนักงานได้ว่าวันนี้มีอาหารพิเศษประจำวันอะไรบ้าง เพราะอาจมีอาหารทะเลสดๆ เพิ่งเข้ามา ที่นี่ทำอาหารทีละจาน ทีละโต๊ะ จึงควรสั่งทีเดียวไปเลย ร้านปิดวันที่ 10, 20 และ 30 ของเดือน
ครัวหลวงเทน

 และทั้งหมดนี้ก็คือร้านอาหารจากมิชลิน ไกด์ ที่สายรีวิวไม่ควรพลาด

ที่มา : รวมร้านเด็ดสตรีทฟู้ด 4 ภาค

รูปจาก : มิชลิน ไกด์

Advertisement

อัพเดท รีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน-คอนโด มกราคม ปี 2566

รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การทำสัญญาสินเชื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัยกับอีกธนาคารหนึ่ง เมื่อเกิดการสิ้นสุดสัญญาสินเชื่อที่มีอยู่กับธนาคารหนึ่งไปแล้ว โดยผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกธนาคารได้เองตามแต่ว่าธนาคารใดจะให้ข้อเสนอที่น่าจูงใจมากกว่ากัน โดยส่วนใหญ่จะมีการรีไฟแนนซ์ หรือขอลดดอกเบี้ยบ้าน ก็ต่อเมื่อผ่อนบ้านไปแล้ว 3 ปีขึ้นไปหรือตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญากู้บ้าน ดังนั้นการรีไฟแนนซ์จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากช่วยลดดอกเบี้ยบ้าน และภาระในการผ่อนได้

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยได้รวบรวมข้อมูลอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน อัปเดตประจำเดือน มกราคม จากหลากธนาคารชั้นนำไหนที่ให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อไฟแนนซ์บ้านต่ำที่สุด มาเปรียบเทียบให้เห็นกันเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้กู้ซื้อสินเชื่อบ้าน คอนโดฯ ซึ่งแต่ละธนาคารก็มีอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ สำหรับผู้ต้องการขอลดดอกเบี้ยบ้าน ดังนี้

อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ สินเชื่อบ้าน-คอนโด ปี 2566

ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย (อ้างอิงข้อมูลวันที่ 5 มกราคม 2566)
* อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด

เปรียบเทียบและคำนวณอัตราดอกเบี้ยบ้านและคอนโด จากธนาคารชั้นนำต่างๆ ได้ด้วยตนเองจาก
โปรแกรมคำนวณเงินกู้ คำนวณสินเชื่อบ้านเบื้องต้น

8 ธนาคารชั้นนำ กับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ สินเชื่อบ้าน – คอนโด

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี = 3.38%

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ของธนาคารกรุงศรี เมื่อผ่อนบ้านครบ 3 ปีแล้วอยากรีไฟแนนซ์ สามารถยื่นขอดอกเบี้ยต่ำเฉลี่ย 3 ปี ในอัตรา 3.38% วงเงินกู้อนุมัติตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 95% ของราคาประเมิน ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี โดยระยะเวลาผ่อนชำระรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี และหากมีวงเงินเหลือ สามารถกู้เพิ่มสินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคชได้ โดยหากมีการปิดภาระหนี้ก่อนกำหนด หรือไปรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่นภายใน 3 ปีแรก นับจากวันทำสัญญา คิดค่าธรรมเนียม 3% ของยอดหนี้คงเหลือ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขธนาคารกำหนด

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์นี้เหมาะกับ : วงเงินกู้ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์


ธนาคารอาคารสงเคราะห์ อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี = 3.55%

สินเชื่อบ้าน Happy Life เป็นรูปแบบของสินเชื่อสำหรับคนซื้อบ้านที่ต้องการดอกเบี้ยต่ำ โดยในช่วง 3 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดอยู่ที่ 3.55%  ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี พร้อมวงเงินให้กู้รวมทุกบัญชีภายใต้หลักประกันเดียวกันตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ยกเว้นกรณีข้าราชการตุลาการ อัยการ หรืออื่นๆ ที่มีอายุเกษียณมากกว่า 60 ปี ให้ใช้อายุผู้กู้เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 75 ปี ทั้งนี้ต้องได้รับอนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์นี้เหมาะกับ : ข้าราชการ ตุลาการ อัยการ เนื่องจากได้ระยะเวลากู้มากขึ้น
สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ สินเชื่อบ้าน Happy Life


ธนาคารกรุงไทย อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี = 3.51%

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ของธนาคารกรุงไทย หากผู้กู้อยากได้ดอกเบี้ยต่ำ และ ทำประกันกับทางธนาคาร โดยคิดเฉลี่ยตลอด 3 ปี ในอัตรา 3.51% โดยให้วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 70% ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี โดยสามารถเลือกผ่อนชำระในอัตราล้านละ 3,500 บาท ต่อเนือน นานถึง 3 เดือน

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์นี้เหมาะกับ : การซื้อบ้านในสัญญาที่ 1 กรณีบ้านมือ1 หรือบ้านมือ 2
สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ธนาคารกรุงไทย


ธนาคารกรุงเทพ อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี = 3.12%

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ของธนาคารกรุงเทพ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี ต่ำสุดอยู่ที่ 3.12% สำหรับหลักทรัพย์ที่อยู่อาศัยทั่วไปโดยจำกัดวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป และให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี ผู้กู้สามารถเลือกผ่อนชำระได้ทั้งแบบขั้นบันไดหรือแบบคงที่ โดยคิดค่าธรรมเนียมประเมินหลักประกัน 3,000 บาท (ไม่รวม VAT) ยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่อ

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์นี้เหมาะกับ : วงเงินกู้ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป (สำหรับหลักทรัพย์ที่อยู่อาศัยทั่วไป)
สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ธนาคารกรุงเทพ


ธนาคารไทยพาณิชย์ อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี = 4.90%

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สามารถช่วยให้คนซื้อบ้านได้ดอกเบี้ยได้ต่ำลง โดยเฉลี่ย 3 ปีแรก อยู่ที่ 4.90% แต่มีเงื่อนไขต้องทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 100% และยังสามารถเลือกวิธีการผ่อนได้ว่าผ่อนเท่าเดิม หรือผ่อนน้อยลง เพื่อลดภาระทางการเงินของผู้กู้ ทั้งนี้ผู้กู้จำเป็นต้องเตรียมค่าสำรวจและประเมิน หากเป็นบ้านเดี่ยวจะอยู่ที่ 5,000 บาท ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด คอนโด 3,450 บาท และหากเป็นลูกค้าทั่วไป โครงการ องค์กร จะได้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ขึ้นอยู่กับประเภทโครงการหรือประเภทองค์กร ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขธนาคารกำหนด

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์นี้เหมาะกับ : ผู้กู้ที่ต้องการทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA)
สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ธนาคารไทยพาณิชย์


ธนาคารกสิกรไทย อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี = 5.97%

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ธนาคารกสิกรไทย อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี อยู่ที่ 5.97% ให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ผ่อนนานสูงสุด 30 ปี หรืออายุผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี และไม่ว่าอาชีพไหนก็รีไฟแนนซ์ได้ เพียงเตรียมเอกสารให้พร้อม แถมรู้ผลอนุมัติทันทีใน 3 วัน

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์นี้เหมาะกับ : ผู้กู้มนุษย์เงินเดือน เจ้าของกิจการ และอาชีพอิสระ ที่มีอายุไม่เกิน 70 ปี
สามารถดูข้อมูลอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ที่ สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ธนาคารกสิกรไทย


ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี = 2.69%

ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ยต่ำสุด 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.69% โดยใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวเป็นเกณฑ์ในการคำนวณ ตลอด 3 ปีแรกที่ MRR-5.06% โดยให้วงเงินกู้ 100% ของภาระหนี้คงเหลือจากสถาบันการเงินเดิม แต่ไม่เกินราคาประเมินหลักประกัน และมีเงื่อนไขของผู้กู้ คือ ต้องมีรายได้ตั้งแต่ 75,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปนอกจากนั้นการขอลดดอกเบี้ยบ้านกับ ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ยังมี

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์สำหรับผู้กู้รายได้ตั้งแต่ 20,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีต่ำสุดอยู่ที่ 2.79% โดยให้วงเงินกู้ 100% ของภาระหนี้คงเหลือจากสถาบันการเงินเดิม แต่ไม่เกินราคาประเมินหลักประกันอ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR =7.75% (ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2565)


ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี = 3.55%

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ขอลดดอกเบี้ยบ้าน ธนาคารทหารไทยชาต แบ่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก ๆ ด้วยกัน คือ สินเชื่อสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี (สำหรับลูกค้าทั่วไป ที่ไม่ได้รับบัญชีเงินเดือนผ่าน ทีทีบี) และ สินเชื่อสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี(สำหรับลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี TTB (Payroll) โดยสำหรับลูกค้าทั่วไปจะมีอัตราสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 3.55% 

ในกรณีของการสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวทั้ง 3 ปี = MRR-3.53%ส่วน ลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชี TTB (Payroll) จะมีอัตราสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกต่ำสุดอยู่ที่ 3.44% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านเฉลี่ย 3 ปีแรกที่ต่ำที่สุดของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจาก ธนาคารทหารไทยธนชาต แบ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวทั้ง 3 ปี = MRR-3.64% โดยมีวงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดอ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเงินให้ MRR = 6.4800%

กรณีรีไฟแนนซ์บ้านพร้อมที่ดิน หรือ ห้องชุดคอนโดมิเนียม ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท วงเงินเท่ากับยอดหนี้เดิม หรือสูงสุดไม่เกิน 95% ของราคาประเมินธนาคารฯ แล้วแต่ราคาใดต่ำกว่า และ กรณีรีไฟแนนซ์บ้านพร้อมที่ดิน หรือ ห้องชุดคอนโดมิเนียม ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปวงเงินเท่ากับยอดหนี้เดิม หรือสูงสุดไม่เกิน 90% ของราคาประเมินธนาคารฯ แล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า รวมไปถึงให้ระยะเวลากู้นานสูงสุดถึง 35 ปี ทั้งนี้ เมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปีอ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.08% (ณ วันที่ 3 มกราคม 2566)

อ้างอิง: แสนสิริ ดอกเบี้ยบ้าน / DDProperty

Advertisement

5 อันดับ กระเป๋าถือแบรนเนมที่น่าลงทุน ในปี 2566

5 อันดับ กระเป๋าถือแบรนเนมที่น่าลงทุน ในปี 2566

จะมีอะไรน่าสนใจไปกว่าพันธบัตรรัฐบาล, การผันผวนขึ้นลงของตราสารหุ้น หรือจะเป็นการสะสมรถโบราณ และการรักษาผลตอบแทนจากการลงทุน จากแหล่งข่าวมีการระบุไว้ว่ากระเป๋าสุดรักของเหล่าดีไซเนอร์ราคาดีกว่าทองซะอีก และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมีแข็งค่าขึ้นถึง8% ก่อนที่จะตื่นเต้นกันมากไปกว่านี้ มีอีกหลากหลายปัจจัยที่คุณต้องพิจารณาก่อนตัวกระเป๋าถือในมือของคุณจะกลายเป็นสินทรัพย์อย่างบริสุทธิ์ใจ เกณฑ์ของเราก็ขึ้นอยู่กับอายุการผลิตที่ยาวนาน ราคาที่เพิ่มขึ้นในทุกปี มูลค่าที่คงเหลือในตลาดมือสอง มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้างที่ช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจซื้อหรือขาย

1. HERMÈS MINI KELLY 20

HERMÈS MINI KELLY II 20CM BLACK MATTE ALLIGATOR LEATHER WITH GOLD HARDWARE

Hermès’ Mini Kelly’s 20 ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของกระเป๋าถือที่คุ้มค่าแก่การลงทุนที่สุดในปี 2023 ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ต้องการสูงสุดในตลาดหรูหรามือสอง โดยในปี 2022 mini Kelly’s มีผลกำไรสูงสุด และมีราคาขายทอดตลาดมือสองที่ราคาสูงถึง 20,000-40,000 ดอลลาร์ หากเทียบกับราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 8,500 ดอลลาร์ ซึ่งนั่นคือค่าเฉลี่ยผลตอบแทนที่สูงถึง 200-300% และการเก็บรักษาที่ยอดเยี่ยมนั่นคือการซื้อมาและขายไปในทันที

Hermès Mini Kelly Bag Yellow | Streetstyle Leonie Hanne
รุูปจาก https://saclab.com/hermes-mini-kelly-bag-guide

นอกจากประโยชน์ใช้สอยแล้ว ต้นตอของชื่อกระเป๋ายังมาจากเรื่องราวของ เกรซ แคลลี่(Grace Kelly) หญิงสาวผู้ใช้กระเป๋าถือซ่อนลูกน้อยของเธอจากปาปารัซซี่นั่นเอง

2. HERMÈS BIRKIN 25

Hermès Himalaya Crocodile leather Birkin bag 25cm silver hardware

HERMÈS BIRKIN 25 ไม่แปลกใจเลยที่อันดับสอง เพราะเป็นที่ต้องการอย่างกว้างขวาง เนื่องจากการผลิตกระเป๋าถือโดยรวมลดลง ทำให้ Birkin 25 เป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด และยากที่จะหามาครอบครอง ราคาขายตั้งต้นตั้งแต่เปิดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 10,145 ปอนด์ หรือหากคุณซื้อ Birkin 25 ช่วงต้นปี 2000 คุณจะได้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 250%โดยแหล่งข่าวระบุเอาไว้ว่าราคาขายปัจจุบันใน shop ประมาณ 13,200 ดอลลาร์ และขายได้ในตลาดมือสองได้สูงถึง 157% เมื่อพูดถึงการการันตีผลตอบแทนในการลงทุน Birkin 25 ถือเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของคุณในตอนนี้หากคุณสามารถรับมือได้กับความผันผวนของราคาได้ในอนาคต ซึ่งตั้งแต่ 2019 Birkin มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 76% และมีราคาเพิ่มขึ้น 14.2% ต่อปี ซึ่งในความเป็นจริงจากการสำรวจตลาดกระเป๋าถือ Hermes’ มีประสิทธิภาพดีกว่าดัชนีตลาดสินทรัพย์อันหรูหราของ Knight Frank รวมไปถึงตลาดการลงทุนแบบทางเลือกอย่างงานศิลปะ วิสกี้ และอากรแสตมป์อีกต่างหาก

นับตั้งแต่ Jean-Louis Dumas ได้ให้กำเนิดกระเป๋ารุ่นนี้ครั้งแรกในปี 1984 จากนั้น Birkin ก็ครองตำแหน่งกระเป๋าถือที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดมาอย่างเนื่องแน่นตลอด 40 ปีที่ผ่าน ซึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้ Birkin นั้นประสบความสำเร็จนั้นเบื้องหลังอยู่ที่การผสมผสานระหว่าง มรดกตกทอดที่มีมายาวนาน ควาประณีตในฝีมือที่หาตัวจับได้ยาก ทำให้ Hermes’ และ Birkin อยู่ในจุดที่เหนือชั้นกว่าใครๆ

3. VINTAGE CHANEL CLASSIC FLAP 

Vintage Chanel double flap bag Lambskin leather with 24ct gold hardware

VINTAGE CHANEL CLASSIC FLAP เหนือกาลเวลา คลาสสิค และเอกลักษณ์เฉพาะตัว กระเป๋าหนังสุดคลาสสิคยังถือเป็นทางเลือกที่ฉลาดในการลงทุน ยิ่งกระเป๋า Chanel เก่าเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในตลาดขายต่อระดับพรีเมี่ยม ในขณะเดียวกันกระเป๋ารุ่นใหม่มีมูลค่าสูงประมาณ 60% ส่วนกระเป๋าพับแบบวิลเทจมีมูลค่าอยู่ที่ 85% ของราคาดั้งเดิม

ณ ปีปัจจุบัน 2023 กระเป๋า Chanel มีราคาพุ่งสูงถึง 21% ด้วยราคาของที่คาดว่าสูงขึ้นเรื่อยๆ คุณจึงสามารถรับการันตีผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าประทับใจได้เลยล่ะ หากคุณคิดที่จะซื้อ Chanel มือสองในตอนนี้ ขอแนะนำให้คุณรีบก่อนที่ราคาจะแตะเพดานที่สูงขึ้นกว่านี้

4. DIOR SADDLE BAG

Navy blue Dior Saddle bag with gold hardware

DIOR SADDLE BAG ยังถือว่าสามารถรักษาระดับความคงที่ในมูลค่าได้ด้วยตัวมันเอง ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการลงทุน สำหรับกระเป๋าสุดโปรดของเหล่าดีไซเนอร์ที่มีราคาย่อมเยาว์ แต่คุ้มค่าแก่การลงทุน หากคุณซื้อ Saddle ในยุค Galliano ในช่วงต้นยุคปี 2000 คุณสามารถคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนได้ถึง 109% และจากข้อมูลของ Fobes ตัวกระเป๋าสามารถรักษามูลค่าเฉลี่ยได้ถึง 89% ในปี 2022

Saddle Bag with Strap Front view Open gallery

หากคุณไม่อยากที่จะตกเทรน SADDLE BAG สามารถทำกำไรให้คุณได้มากกว่าที่ลงทุน เนื่องจากการฟื้นตัวของแฟชั่นแบบ y2k ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ฮิตระเบิดจนยั้งไม่อยู่ ราคาของ Dior รุ่นออริจินัลพุ่งสูงขึ้นในตลาดมือสอง นับตั้งแต่กระเป๋ารุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 และหากใครถือรุ่นนี้อยู่ในมือ เราขอเตือนให้ดูแลเอาไว้ให้ดีๆ เพราะราคาในตลาดมือสองในปัจจุบันคุณอาจจะต้องจ่ายสูงถึง 1,000 – 3,000 ปอนด์เพื่อให้ได้รุ่นนี้มาครอบครอง

5. BOTTEGA VENETA CASSETTE CROSS-BODY 

BOTTEGA VENETA Cassette mini intrecciato leather shoulder bag

BOTTEGA VENETA แบรนเก่าแก่จากสัญชาติอิตาลี เป็นอีกหนึ่งแบรนที่น่าจับตามอง จากการสำรวจของ CLAIR ตัวแบรนได้รัยความสนใจเป็นอย่างมากในกลุ่มเด็ก Gen Z และตลาดกลุ่ม millennial ภายใต้แนวการสร้างสรรค์ของ แดเนียล ลี (Daniel Lee) กระเป๋ารุ่นซิกเนเจอร์ Jodie – ‘it bag’ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา พูดได้เลยว่า กระเป๋าซิกเนเจอร์ของ BV ขึ้นแท่นเป็นคู่แข่ง Prada Re-nylon และ Fendi Baguette ถึงจะดูเป็นแบบนั้น แต่ กระเป๋า Cross Body รุ่น Cassette สุดเก๋ของทางแบรนนั้นทำคะแนนในด้านมูลค่าได้ดีกว่า Jodie ถึง 12% รุ่น Cassette ของ BOTTEGA VENETA ถือเป็นการลงทุนที่น่าจับตามองด้วยมูลค่าเฉลี่ยคงที่อยู่ที่ 82% เมื่อนำไปขายต่อ และด้วยการทออันเป็นเอกลักษณ์ที่ดูไม่ตกยุค จึงแซงหน้าแบรนดังอื่น ๆ อย่าง Balenciaga, Celine และ Givenchy

จากรายงานล่าสุดจาก CLAIR ในปี 2022 คาดว่ามูลค่าการขายต่อเฉลี่ยของกระเป๋าจะยังขยับขึ้น ๆ ลง ๆ ในช่วงต้นปี 2023 นี้

แม้ว่าการเลือกสีกระเป๋าในโทนสีกลางๆจะเป็นที่นิยมกันมากกว่ากระเป๋าที่มีสีสันสดใส เพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน แต่สำหรับกระเป๋าของ BOTTEGA VENETA เปลี่ยนแนวคิดนั้นไป เมื่อรุ่น cassette ของแบรนจากการใช้เฉดสีที่สดใสทั้งสีเขียว สีฟ้า สีแครอล กลับเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก

BOTTEGA VENETA Cassette mini intrecciato leather shoulder bag

กระเป๋ารุ่น cassette เป็นสิ่งหนึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากของ แดเนียล ลี บ่งบอกถึงความประณีต ที่ปรับรูปทรงคลาสสิคให้ทันสมัย และสง่างาม แต่ดูเรียบง่าย และเฉดสีที่สดใสและการทอแบบนวม ทำให้กระเป๋า “ทรงหมอน” โดดเด่นเหนือแฟชั่นร่วมสมัย เป็นชิ้นงานที่หญิงสาวรุ่นใหม่ต่างเห็นแล้วก็ต้องหลงรัก

BOTTEGA VENETA Cassette mini intrecciato leather shoulder bag

ข้อมูลอ้างอิง the standard, top5 handbag to invest in 2023, CMBC

Advertisement