โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ถือเป็นแผนยุทธศาสตร์ต่างประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Seaboard ที่ดำเนินมาตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา โดยโครงการ EEC มีเป้าหมายยกระดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้กลายเป็น “World-Class Economic Zone” รองรับการลงทุนอุตสาหกรรม Super Cluster และอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอีก 20 ปีข้างหน้า แทนที่ Eastern Seaboard เดิม โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ซึ่งภาคธุรกิจหนึ่งที่เตรียมสนับสนุนและรุกให้ EEC เจริญเติบโตอย่างที่คาดหวังคือ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เตรียมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ
รัฐเตรียมลงทุนกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ยกระดับ 3 จังหวัด
โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน โดยรัฐจะเดินหน้าลงทุน 5 ปีแรกกว่า 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อยกระดับพื้นที่ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ให้กลายเป็น “World-Class Economic Zone” นอกจากนี้ยังได้ความร่วมมือจากภาคเอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จนทำให้เกิดเมืองและสังคมรองรับการลงทุนคู่ขนานไปด้วย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กลไกความร่วมมือทุกมิติระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ EEC จะเป็นส่วนช่วยกระตุ้น การตัดสินใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ง่ายขึ้น ทำให้ EEC กลายเป็น “เมืองยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ” ที่เติบโตไปจนสร้างรายได้ สร้างการเจริญเติบโตให้แก่ประเทศได้ตามเป้าหมาย และช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น “ไทยแลนด์ 4.0” ต่อไป
สำหรับการลงทุนใน EEC คาดว่าระยะยาวจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยราว 5% ต่อปี สร้างการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ 100,000 อัตรา/ปี สร้างฐานภาษีใหม่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท/ปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 10 ล้านคน/ปี และสร้างฐานรายได้เพิ่มไม่น้อยกว่า 4.5 แสนล้านบาท/ปี
อสังหาฯ รุกพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจร
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นบริษัทแรก ๆ ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ EEC อย่างจริงจัง โดย นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มองว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้กลายเป็น “World-Class Economic Zone” ได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลอย่างแน่นอน บริษัทฯ จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาภูมิภาคนี้ กระตุ้นการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ผ่านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่าง ๆ ในพื้นที่ EEC รวมมูลค่าโครงการกว่า 12,130 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการใน ศรีราชา จ.ชลบุรี มูลค่า 10,130 ล้านบาท และใน จ.ระยอง ประมาณ 2,300 ล้านบาท
โครงการในศรีราชา บริษัทฯ ได้เริ่มพัฒนาโครงการไปแล้ว 2 โครงการได้แก่
1. โครงการมิกซ์ยูส ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา” มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย คอนโดมิเนียมเคนซิงตัน แหลมฉบัง 1 เคนซิงตัน แหลมฉบัง 2 นอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง โรงแรมฮออลิเดย์ อิน แอนด์ สวีท และคอมมมูนิตี้มอลล์ “พอร์โทเบลโล มอลล์” โดยโครงการคอนโดมิเนียม เคนชิงตัน แหลมฉบัง 1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างทยอยโอนกรรมสิทธิ์ ขณะที่เคนชิงตัน แหลมฉบัง 2 และนอตติ้ง ฮิลล์ แหลมฉบัง อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
2. โครงการคอนโดมิเนียม “ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา” มูลค่าโครงการประมาณ 2,500 ล้านบาท เป็นโครงการที่ได้รับรางวัล Best Luxury Condo Development (Eastern Seaboard) จากงาน Thailand Property Awards 2017 ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ มียอดขายแล้วกว่า 70% กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ ที่ซื้อไว้เพื่อลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากตลาดเช่าของศรีราชามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม เพราะศรีราชาไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรมทำให้การเดินทางสะดวก ส่งผลให้ศรีราชาเป็นตลาดเช่าที่สำคัญ ขณะที่อัตราค่าเช่าค่อนข้างสูงคือประมาณกว่า 30,000 บาท/เดือน
สำหรับโครงการใน จ.ระยอง บริษัทฯ ยังมีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปี 2561 และเพื่อความต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการในเขตพื้นที่ EEC บริษัทฯ ยังมองหาที่ดินแปลงอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนและส่งเสริมการดำเนินนโยบายของภาครัฐ
ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่ออริจิ้นฯ เท่านั้น แต่ยังมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกหลายรายที่ปักธงพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในพื้นที่ EEC จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุนในอนาคต
ที่มา : ddproperty