Niche Pride เตาปูน อินเตอร์เชนจ์

1869

ก้าวเดียวถึงรถไฟฟ้า 2 สายแห่งแรกของกรุงเทพฯ

หลังจากรัฐบาลได้กำหนดแผนระยะยาวที่จะพัฒนาระบบขนส่งทางรางของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 10 สาย เพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าที่จะเปิดให้บริการทั้งเส้นทางบนดินและใต้ดินเต็มศักยภาพภายใน 20 ปีในปัจจุบันเรากำลังได้เห็นความคืบหน้าของการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่พร้อมเปิดให้บริการหรือใกล้เปิดให้บริการแล้วหลายสายทีเดียว

แน่นอนว่าวัตถุประสงค์สำคัญของการพัฒนาดังกล่าว คือเป้าหมายที่ต้องการจะพัฒนาโครงข่ายระบบรางให้รองรับการเติบโตของเมืองที่กำลังขยายตัวออกไป โดยเส้นทางรถไฟฟ้าแต่ละสายเหล่านี้จะทำหน้าที่ขนส่งคนที่อยู่รอบเมืองชั้นนอกให้สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองหรือไปทำงานในย่านธุรกิจได้โดยสะดวกลดปัญหาจราจรระยะยาว

การพัฒนาดังกล่าวถือเป็นแผนการพัฒนาที่เดินตามรอยเส้นทางการพัฒนาระบบรางและผังเมืองพื้นที่รอบสถานีเฉกเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นแล้วตามเมืองสำคัญทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น โตเกียว โอซาก้า ลอนดอน หรือมหานครนิวยอร์ค เป็นต้น

สถานีอินเตอร์เชนจ์จุดเริ่มทำเลแห่งอนาคต

Advertisement

อีกความน่าสนใจคือหลังมีการการพัฒนาระบบรางผ่านเส้นทางไหน หรือในพื้นที่โซนใด พื้นที่โซนนั้นก็มักจะถูกพัฒนากลายเป็นทำเลศักยภาพที่เติบโตควบคู่ไปกับเส้นทางรถไฟ ดังเช่นที่วันนี้ เราได้เห็นหลากหลายอาคารสำนักงานหรือโครงการคอนโดมิเนียม ร้านค้าแหล่งช็อปปิ้งทันสมัยใหม่ๆ ที่ผุดขึ้นเนืองแน่นตามเส้นทางการพัฒนาของสถานีรถไฟฟ้า

ซึ่งหากถ้าพูดถึงอีกทำเลสำคัญที่กำลังคึกคักและได้รับความสนใจเป็นพิเศษในเวลานี้ คงต้องเอ่ยถึงพื้นที่โซนบริเวณรอบหรือใกล้กับ “สถานีอินเตอร์เชนจ์” (Interchange Station) เป็นสถานีจุดตัดและเชื่อมต่อการเดินทางของเส้นทางรถไฟฟ้าที่มากกว่า 1 สาย ที่กำลังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ

ความได้เปรียบของชุมทางเหล่านี้ คือมีความสะดวกสบายในการเดินทางที่หลากหลายกว่า ทำให้มีศักยภาพที่มากกว่าการมีทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายใดสายหนึ่งเพียงเส้นทางเดียว

จึงไม่แปลกหากพื้นที่โดยรอบสถานีอินเตอร์เชนจ์มักถูกจับจอง พลิกโฉมการพัฒนาให้เป็นพื้นที่รองรับทั้งที่พักอาศัยและสำนักงาน ตามมาด้วยสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้งไลฟ์สไตล์มอลล์หรือโรงแรมชั้นนำ เป็นต้น ผลคือจากการเป็นพื้นที่ศักยภาพเดิมจึงยิ่งเพิ่มศักยภาพทำเลในโซนเหล่านี้ให้ยิ่งเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงไม่แปลกหากราคาที่ดินของโซนเหล่านี้จะพุ่งสูงมากกว่า 2-3 เท่า นับตั้งแต่วันที่ได้รับการบรรจุในแผนพัฒนา

โดยหากจะกล่าวถึงอีกหนึ่งสถานีอินเตอร์เชนจ์ที่น่าจับตามองในระดับท็อป 5 เชื่อว่าต้องมี “สถานีเตาปูนอินเตอร์เชนจ์”เป็นหนึ่งในลิสต์อย่างแน่นอน

ปัจจุบันสถานีอินเตอร์เชนจ์เตาปูนกำลังกลายเป็นอีกพื้นที่ New CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ในอนาคตอันใกล้ และเป็นอีกทำเลที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายกำลังต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ ผ่านโครงการต่างๆ มากมาย

แล้วอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ “เตาปูน อินเตอร์เชนจ์” กลายเป็นสถานีที่มีศักยภาพและความน่าสนใจน่ะหรือ เราคงต้องมาวิเคราะห์ดูปัจจัยเหล่านี้กัน

5 ศักยภาพของเตาปูน อินเตอร์เชนจ์

image002

1. ศักยภาพการเป็นสถานีที่เชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน

สำหรับสายสีน้ำเงินพุทธมณฑลสาย 4-หลักสอง-หัวลำโพง-บางซื่อ-เตาปูน-ท่าพระ(MRT Blue Line) ในอนาคตถือเป็นเส้นหลัก เพราะจะเป็นเส้นทางที่วิ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ รอบกรุงเทพฯถึง 8สาย (Loop Line)ขณะที่สายสีม่วงเองในระยะต่อไปก็จะมีการเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต, บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ที่สถานีบางซ่อน เชื่อมต่อสายสีชมพู (แคราย ปากเกร็ด มีนบุรี) ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี  นอกจากนี้ยังมีสายสีม่วงด้านใต้ ที่จะเดินเส้นทางรถต่อจากสถานีเตาปูนไปยัง บางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ ก็กำลังอยู่ในช่วงการศึกษาความเป็นไปได้ในอนาคต

image003

2. ศักยภาพจากการอยู่ใกล้กับ New Bangsue Grand Station

จากสถานีเตาปูน อินเตอร์เชนจ์ หากเรานั่งรถไฟฟ้าถัดไปอีกเพียง 1 สถานี ก็จะถึงสถานีชุมทางสำคัญได้แก่“สถานีกลางบางซื่อ” หรือ New Bang Sue Grand Stationที่กำลังจะเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ขนาดใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดโดยถูกวางแผนการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางเส้นทางเดินรถทั้งภายในเมืองและออกสู่นอกเมือง โดยเป็นจุดเชื่อมต่อสายสีแดง สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง และโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง (แอร์พอร์ตลิงค์) ส่วนต่อขยายพญาไท- บางซื่อ -ท่าอากาศยานดอนเมือง ไปจนถึงชุมทางรถไฟชานเมือง รถไฟทางไกล และรถไฟจากทุกทิศทุกทางทั่วประเทศจะผ่านสถานีกลางบางซื่อแทนที่สถานีหัวลำโพง อีกทั้งยังมีการก่อสร้างทางยกระดับเพื่อเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ และการเดินทางด้วยรถบขส.ด้วยเช่นกัน เทียบแล้วมีความยิ่งใหญ่ระดับเดียวกับสถานีอุเมดะ ในโอซาก้า หรือสถานีโตเกียว หรือสถานีชิบูย่า ในมหานครโตเกียวเลยทีเดียว

ในอนาคตกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทยวางแผนที่จะปลุกปั้นให้ บางซื่อ แกรนด์ สเตชัน เป็นหนึ่งในเมกะโปรเจคท์ที่พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ระบบการขนส่งของประเทศไทยในอนาคต ด้วยบทบาทเป็น Regional Transportation Hubโมเดลต้นแบบซึ่งมีแผนพัฒนาระยะยาวในการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าที่เรียกว่า Transit Oriented Development : TODในอนาคต  จะทำให้เป็นทั้งศูนย์กลางย่านธุรกิจแห่งใหม่ ศูนย์กลางการค้า ที่อยู่อาศัย การศึกษา และสุขภาพ โดยจะมีการสร้างสปอร์ตคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ที่จอดรถ (Park&Ride) ขนาดใหญ่ แบบครบวงจรบนที่ดินผืนใหญ่ใจกลางเมืองกว่า2,325 ไร่รอบสถานี

image004

3. ศักยภาพจากการอยู่ใกล้กับรัฐสภาแห่งใหม่

อีกปัจจัยที่ทำให้ย่านเตาปูนเป็นย่านที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด คือการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณแยกเกียกกาย ที่กำลังดำเนินการในขณะนี้

ผลสืบเนื่องจากการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ ยังส่งอานิสงส์ต่อการพัฒนาเครือข่ายถนนเพื่อรองรับการจราจรอย่างเป็นรูปธรรม โดยตามแผนการดำเนินการมีทั้งการสร้างถนนใหม่และขยายถนนมากมายหลายเส้นทางรอบรัฐสภา อาทิ การสร้างเป็นทางแยกต่างระดับ รวมถึงขยายเป็น 8 เลน บริเวณจุดตัดถนนสามเสนและประชาราษฎร์สาย1 หน้ารัฐสภาใหม่และบริเวณถนนทหารหน้ากรมสรรพาวุธทหาร การพัฒนาบริเวณถนนประดิพัทธ์ บริเวณถนนกำแพงเพชรใกล้ถนนพระรามที่6  รวมถึงบริเวณถนนกำแพงเพชรใกล้กับทางขึ้น-ลงทางด่วน บริเวณถนนกำแพงเพชร 2

นอกจากนี้ยังมีการสร้างสะพานเกียกกายเพื่อใช้เชื่อมต่อสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วยตัวสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาความยาว  ประมาณ 1 กิโลเมตร และถนนเชื่อมต่อที่เป็นทั้งถนนระดับดินและสะพานทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจรไป-กลับรวมระยะทาง 4.50 กิโลเมตร ทั้งนี้เพื่อรองรับปริมาณรถที่คับคั่งแต่ละวัน

4. ศักยภาพจากความสะดวกในการเดินทางครบครัน

อาจกล่าวได้ว่าความสะดวกในการเดินทางย่านนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การมีเส้นทางรถไฟฟ้าหลายสายที่วิ่งผ่านเท่านั้น หากใกล้กับแยกเตาปูนยังมีการคมนาคมที่สะดวกสบายทั้งทางบกและทางน้ำ จากเป็นจุดตัดของระบบการคมนาคมหลากหลายเส้นทาง และการเป็นจุดเชื่อมของเมืองเก่าชั้นในและเมืองใหม่ย่านธุรกิจ จึงสามารถใช้เวลาเดินทางรถยนต์เพียงไม่กี่นาทีก็ข้ามทะลุโซนทั้งย่านเมืองเก่า อาทิ บางโพ สามเสน ราชวิถี หรือดุสิต ที่เป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการและสถานที่สำคัญ ไปจนถึงโรงเรียนมีชื่อเสียงเก่าแก่ของประเทศ  อีกด้านก็ยังเชื่อมต่อโซนเศรษฐกิจใหม่สำคัญ อย่างหมอชิต จตุจักรหรือลาดพร้าว ไปจนถึงย่านที่พักอาศัยในโซนประชาขื่น หรือหากจะข้ามโซนไปอีกฝั่งของเมืองก็สะดวกยิ่งขึ้น เพราะสามารถเลือกขึ้นทางด่วนจากจุดขึ้นที่มีหลายจุดให้เลือก และอยู่ห่างเพียงไม่กี่กิโลเมตรจากแยกเตาปูน ไม่ว่าจะเป็น แยกประชาชื่น พระรามหก หรือจตุจักร (กำแพงเพชร) ส่วนการเดินทางทางน้ำ ใกล้ๆ กันยังมีท่าเรือด่วนเจ้าพระยาบางโพ ซึ่งเป็นต้นสายไปถึงสาทร รามคำแหง และนนทบุรี ได้อีกด้วย

5. ศักยภาพของการเป็นที่ตั้งของสำนักงานองค์กรระดับประเทศและชุมชนที่อยู่อาศัยเก่าแก่

ปัจจุบันบริเวณเตาปูน ไกลออกไปไม่กี่กิโลเมตร คือที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัทในเครือ SCG ที่มีพนักงานกว่าหลายพันคน รวมทั้งการเป็นย่านชุมชนเก่าแก่อีกแห่งของกรุงเทพฯ ที่ปัจจุบันยังคงมีประชากรอยู่อาศัยกันเนืองแน่น ทั้งกลุ่มทหาร ข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้า และพนักงานออฟฟิศ ในละแวกนี้จึงไม่เคยขาดแคลนเรื่องอาหารการกิน โดยสามารเลือกหาได้ตลอดสองข้างทาง ทั้งร้านอาหารดังหรือ Street Food เรียกได้ว่าสามารถหารับประทานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ในส่วนของการช็อปปิ้ง ที่แยกเตาปูนเลย ยังมีTesco Lotus ตั้งอยู่ เลยไปอีกนิดคือห้าง Big C ที่แยกวงศ์สว่าง นอกจากนั้นยังมีอีกแหล่งช้อปปิ้งสไตล์คอมมูนิตี้มาร์เก็ต อย่างสยามยิปซี รวมทั้งโครงการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นของเครือทีซีซีแลนด์ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดีโครงการ “Gateway บางซื่อ” ศูนย์การค้าและการบริการครบวงจร มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ที่กำลังก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการปลายปี 2561

ในด้านสุขภาพก็หมดกังวลหายห่วง เพราะมีทั้งโรงพยาบาลบางโพ และโรงพยาบาลยันฮี คอยรองรับในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงหากมองโดยศักยภาพของพื้นที่แล้ว ทำเลนี้จึงถือว่ายังสามารถพัฒนาได้อีกมาก เนื่องจากความเป็น Interchange Station ที่กำลังเป็นชุมชนใหญ่แห่งใหม่ขณะเดียวกันแต่เดิมเตาปูนคือย่านชุมชนที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่น และกำลังเพิ่มมากขึ้นในเวลาอันใกล้ ทำให้มีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ สถานีเตาปูน ซึ่งตั้งอยู่แยกเตาปูนอยู่ตรงจุดตัดของถนนประชาราษฎร์ 2 กับถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ยังเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ในไม่กี่แห่งที่สามารถเปลี่ยนเส้นทางรถได้เลยโดยไม่ต้องออกจากสถานี เช่นเดียวกับสถานีสยาม จึงทำให้สะดวกในการต่อรถหรือเปลี่ยนเส้นทาง

ซึ่งศักยภาพและความได้เปรียบด้านยุทธศาสตร์ดังกล่าว ทำให้สถานีรถไฟฟ้าเตาปูนในปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมาย และเป็นอีกโซนที่ผู้คนมักให้ความสนใจค่อนข้างมาก แต่หากจะโฟกัสโครงการที่น่าสนในที่สุด หนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจนั้นคือ โครงการNiche Pride เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ จากค่ายเสนา ดีเวลลอปเมนท์

Niche Pride เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เชื่อมต่อทุกการเดินทาง

Niche Pride เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ความสูง 38 ชั้น 742ยูนิต บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ที่โดดเด่นกลางแยกเตาปูน

ปัจจัยที่ทำให้ Niche Prideเตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เป็นโครงการที่น่าสนใจที่สุดในย่านนี้ เพราะทำเลที่ตั้งของโครงการนั้นอยู่หน้าสถานีเตาปูน อินเตอร์เชนจ์เพียงก้าวเดียวเรียกได้ว่าเป็นโครงการแรกและโครงการเดียวของย่านนี้ที่จะให้ความรู้สึกเหมือนมีรถไฟฟ้าอยู่หน้าประตูบ้านคุณเอง ซึ่งโอกาสที่จะพบโครงการในทำเลดีเช่นนี้นับว่าหาได้ยากจากโครงการอื่น เพราะแม้แต่โครงการที่ทำเลดีที่สุด อย่างน้อยต้องอยู่ห่างจากสถานีไม่ต่ำกว่า 200-300 เมตร

สำหรับคำถามที่ว่าทำไมควรเลือกทำเลในย่านเตาปูน แทนที่จะเป็นศูนย์กลางความเจริญอย่างสถานีกลางบางซื่อซึ่งเป็นสถานีใหญ่ เชื่อว่าหลายคนอาจยังมองประเด็นนี้เป็นข้อได้เปรียบในเรื่องความเป็น Residential Area ที่เงียบสงบ และไม่พลุกพล่านวุ่นวายจนเกินไป หากแต่ก็ไม่ห่างเหินจากความสะดวกสบายมากนัก เพราะเดินทางเพียงแค่หนึ่งสถานีก็สามารถเข้าถึงใจกลางการเดินทางได้อย่างสบายๆ

ซึ่งนอกเหนือจากจุดเด่นที่อยู่ในทำเล ซึ่งแวดล้อมด้วยความสะดวกด้านการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันNiche Pride เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ถือเป็นโครงการคุณภาพที่เสนาเคลมว่าคือแห่งแรกและแห่งเดียวที่สมบูรณ์ในทุกด้าน ทั้งมีความล้ำสมัยเริ่มตั้งแต่แนวความคิดการพัฒนาโครงการที่ต้องการฉีกกรอบรูปแบบเดิม โดยเน้นให้ความคุ้มค่ามากกว่าด้วยฟังก์ชั่นเหนือระดับและตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างครบถ้วน

โดยเสนาฯ ได้มีคอนเสปท์การพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์Niche คือ “Life Edit” นั่นคือการปรับปรุงทุกด้านของการใช้ชีวิตในเมือง ซึ่งจะเน้นการปรับปรุงทั้งหมด 4  ด้านด้วยกัน คือ Eco Edit ปรับปรุงการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับโครงการอื่นของเสนา ที่ภายในโครงการจะมีการติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลาง

Comfort Edit คือการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายของการอยู่อาศัยให้แก่ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมธรรมชาติสีเขียวด้วยสวนทั้งในและรอบอาคาร การมีสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางและบริการครบครัน การพัฒนาระบบความปลอดภัยสามชั้น และการให้บริการหลังการขายผ่านแอพลิเคชัน SENA360 เพื่อเป็นสื่อกลางในการรับแจ้งเรื่องต่างๆ นิติบุคคล ไปจนถึงการซ่อม เช่า หรือขายต่อ

Location Edit การเชื่อมพื้นที่ส่วนตัวแบบรีสอร์ทต่อกับการเข้าถึงชีวิตคนเมืองอย่างสะดวกสบาย

ส่วน Space Edit คือการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยลงตัว ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดีไซน์เฉพาะให้ฟังค์ชันตอบโจทย์การใช้สอยทุกตารางนิ้ว รวมทั้งยืดหยุ่นในการจัดวางหรือปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมและพึงพอใจ

นอกจากนี้Niche Prideเตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ยังเป็นโครงการที่ร่วมพัฒนากับ“ ฮันคิว เรียลตี้ “ หนึ่งในกลุ่มบริษัท Hankyu Hanshin Holding Group ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ ที่เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกันในการพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ และมอบสิ่งที่ “มากกว่า” ที่ผู้บริโภคต้องการหรือคาดถึง

จัดเต็มด้วยพื้นที่ส่วนกลาง 30 ชั้น

นอกเหนือจากทำเลทองแล้ว อีกจุดเด่นที่สุดของ Niche Pride เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ คือน่าจะเป็นโครงการแรกๆ ที่กล้าจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางแบบ Vertical Facilities ถึง30 ชั้นให้กับลูกบ้าน

2618198

โดยนอกเหนือจากพื้นที่ส่วนกลางหลัก ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นลอยฟ้า ที่จะได้เห็นวิวของกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา ซึ่งมีทั้งSky Infinity EdgePoolสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ยาว 50 เมตร สวนลอยฟ้า Sky Garden และฟิตเนส (Sky Fitness)

image008

ในโซนพื้นที่ส่วนกลาง 30 ชั้นจะประกอบด้วย 7Villages Facility ที่จะสลับกันไปในแต่ละชั้น ได้แก่ Executive Meeting Room, Co-working Space, Sky Lounge, Party Room, Re-Creation Games Room, Yoga Room, Kid Club และ Mini Theater ซึ่งข้อดีของการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางแนวนี้ คือลูกบ้านสามารถจะเลือกใช้บริการแต่ละห้องได้ตามไลฟ์สไตล์ในแต่ละวัน

นอกจากนี้เสนามีการนำแนวคิด Geo Fit+ Concept ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Hankyuมาเป็นแนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจความต้องการของผู้อยู่อาศัยอย่างลึกซึ้ง โดยเน้นการพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานทุกตารางนิ้วอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้อยู่อาศัย

โดยเฉพาะในโครงการนี้ทางเสนายังพัฒนาโจทย์มาสู่นวัตกรรมขั้นแอดวานซ์ยิ่งขึ้น คือ GEO Fit+ My Select ที่พิเศษกว่า เพราะเปิดโอกาสให้สามารถเลือกฟังก์ชั่นการใช้สอยภายในห้องให้ตรงตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย

2622190

นอกจากจะมีหลากหลายขนาดห้องให้เลือก ทั้งแบบ 1 ห้องนอน (28, 32 และ 34.5 ตารางเมตร) และ 2 ห้องนอน (49 ตารางเมตร) แล้ว ผู้อยู่อาศัยยังสามารถเลือกFunctionห้องตามความต้องการได้ทั้ง My Select Relaxing Zone หรือ My Select Working Zone

Niche Pride เตาปูน อินเตอร์เชนจ์นับเป็นการปฏิวัติวงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าครั้งใหญ่ในไทยที่น่าจับตามากในเวลานี้ที่สำคัญยังมาพร้อมราคาที่เหมาะสม ด้วยราคาพรีเซลต่อยูนิตเริ่มต้น3.2 ล้านบาทเท่านั้น เรียกว่าคุ้มค่ากับการเป็นเจ้าของที่สุดสำหรับการลงทุนในอนาคต

ที่มา : bangkokbiznews.com

Advertisement
Haus23
Haus23
Haus23