จากยุทธศาสตร์ประเทศ ไทย 4.0 กรมที่ดิน ได้ให้ความสำคัญทั้งการลงทุน นำนวัตกรรม การออนไลน์เชื่อมข้อมูลให้บริการต่างสำนักงาน และโดยเฉพาะการยกระดับรังวัดโดยใช้ระบบโครงข่ายดาวเทียม
นายประทีป กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดิน ว่าในปีงบประมาณ 2561 (1 ตุลาคม 2560-30 กันยายน 2561) กรมที่ดินได้รับการจัดสรรงบประมาณ 6,403 ล้านบาท จำนวนนี้เป็นงบบุคลากรถึง 3,817 ล้านบาทงบดำเนินการ 1,303 ล้านบาทและเป็นงบลงทุน 1,282 ล้านบาท งบลงทุนปีนี้ส่วนใหญ่จะไปเพิ่มในระบบสารสนเทศ เป้าหมายกรมที่ดินตั้งไว้ว่า ภายใน 3 ปี จะต้องออนไลน์เชื่อมข้อมูลให้ครบทั้ง 443 สำนักงาน โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลของกรมที่ดิน จากเวบไซต์หรือสมาร์ทโฟน เพียงกูลเกิลค้นหาคำว่า “รูปแปลงที่ดิน” จะได้ถึง 6 เรื่อง คือ 1. รูปแปลงที่ดิน เนื้อที่ ตำแหน่งที่ตั้ง 2. ข้อมูลเดินทางไปสำนักงานที่ดิน เบอร์โทรศัพท์ 3. ราคาประเมินบ้าน/แปลงที่ดิน, 4. ค่าธรรมเนียม ค่าภาษีอากร, 5. ค่าใช้จ่ายรังวัด และ 6. คิวรังวัด โดยมีผู้ใช้ประโยชน์ผ่านเวบไซต์แล้ว 11 ล้านราย ทางสมาร์ทโฟนอีกกว่า 3.5 ล้านราย แต่ขณะนี้ทั้ง 443 แห่ง ปัจจุบันสามารถใช้บริการต่างสำนักงานด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างน้อยใน 3 เรื่องคือ
1. ตรวจสอบหลักทรัพย์ เช่น ท่านเดินไปที่สาขาดอนเมืองไปขอยื่นตรวจสอบหลักทรัพย์ อยากรู้ว่าตัวเองมีที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ กี่แปลงกี่ไร่ อยู่ตรงไหนอย่างไร หรือขอตรวจสอบที่ดินในโคราชที่เป็นของครอบครัวและตัวเองได้รับมอบอำนาจมา ก็สามารถเช็กได้หมด ทั้งที่เป็นโฉนดที่ดิน, น.ส.3 ก, น.ส.3 และหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด แต่ทั้งนี้ผู้ขอรับบริการต้องมีสิทธิตามกฎหมาย เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือเป็นพนักงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย โดยเสียค่าธรรมเนียมยื่นคำร้อง 100 บาท
2. ขอราคาประเมินทุนทรัพย์ เช่น ขอราคาประเมินที่ขอนแก่น เพื่อไปใช้เป็นหลักประกันหรือจำนอง ฯลฯ
3. ขอสำเนาเอกสารสิทธิ เช่น อยู่กรุงเทพฯ แต่อยากได้สำเนาโฉนดที่อุดรธานี เป็นต้น บริการทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดมีผู้ใช้บริการแล้ว 2.1 หมื่นราย
สำหรับโครงการที่กรมที่ดินจะทำเพิ่มต่อไป คือการนัดคิวรังวัดได้ ยกตัวอย่าง คิวรังวัดอยู่ขอนแก่น แต่มายื่นคำขอที่ดอนเมืองว่า อยากจะขอนัดคิวรังวัดที่อำเภอนํ้าพอง จังหวัดขอนแก่น คิวนัด 27 วัน ท่านก็เพียงกดดูคิวว่าที่นํ้าพองเป็นเมื่อไร อย่างไร และเลือกวันโดยจะไปจองคิวที่สาขาใดก็ได้ ไม่ต้อง ขับรถไปจองให้เสียเวลาเสียเงิน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 22 – 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560