บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จ่อกลืนกิจการแกรนด์ แอสเสท ยื่นเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดในส่วนที่ไทยพร็อพถืออยู่จำนวน 40% ด้านแกรนด์ แอสเสทเปิดตัวโครงการใหม่ไฮด์ สุขุมวิท 11 ลักชัวรี คอนโดฯ พร้อมมองหาที่ดินเพิ่มอีก 2-3 แปลง
จากกรณีที่บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) ซื้อกิจการบริษัท ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) โดยที่ไทย พร็อพเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ฯ 40.62% และเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทแกรนด์ แอสเสทฯ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯทราบถึงการที่พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มีเจตนาจะซื้อหุ้นในแกรนด์ แอสเสททั้งหมดนั้น
ดร.นพดล มิ่งจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้จะมีงานแถลงผลให้ทราบ โดยนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จะเป็นผู้ชี้แจง ส่วนแผนธุรกิจก็ยังดำเนินตามเป้าหมายเดิม สำหรับเป้าหมายรายได้ของบริษัทปีนี้ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท จากธุรกิจโรงแรมและอสังหาฯ
นายวิทวัส วิภากุล กรรมการและรองประธานกรรมการบริหาร กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางของบริษัทว่า ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของแกรนด์ แอสเสทให้เป็นแบบลูกผสม (Hybrid) คือดำเนินธุรกิจทั้งในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการรับรู้รายได้ในระยะสั้นและปานกลาง และการลงทุนในส่วนของธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นการลงทุนในทรัพย์สินเพื่อเป้าหมายในการบริหารจัดการทรัพย์สินนั้นๆ ให้มีการรับรู้รายได้คงที่และค่อยๆ เติบโตในระยะยาว
ทั้งนี้เพื่อลดการกระจุกตัวของโครงสร้างรายได้ และการพึ่งพาธุรกิจด้านใดด้านหนึ่ง และเป็นวิธีในการเพิ่มมูลค่าให้กิจการ โดยบริษัทได้แบ่งแยก แผนงานธุรกิจและการดำเนินงาน ออกเป็น 2 ประเภท คือธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทเน้นการลง ทุนในโครงการที่มีทำเลที่ดินอยู่ในย่านธุรกิจ มีเครือข่ายการคมนาคมที่สะดวกและหลากหลาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมในบริเวณใกล้เคียง อาทิ โรงแรม สถานศึกษา สถานบันเทิง ศูนย์การค้า โรงพยาบาล ฯลฯ โดยเน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลาง – สูง ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่ต้องการความสะดวก สบายในการเดินทางไปที่ทำงาน และการใช้ชีวิต ธุรกิจโรงแรม บริษัทเน้นการลงทุนในโรงแรมระดับ 4 – 5 ดาว ภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อเสียง โดยบริษัท เป็นผู้ลงทุนในการก่อสร้าง และจัดจ้าง บริษัทผู้บริหารโรงแรมที่มีประสบการณ์และมีเครือข่ายทั่วโลกมาบริหารทรัพย์สิน
นอกจากนี้บริษัทยังมีนโยบายกระจายความเสี่ยงของการลงทุนในธุรกิจโรงแรมไปยังต่างจังหวัด หรือในอนาคตไปยังต่างประเทศ โดยเลือกทำเลที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่าง หลากหลาย
ขณะนี้เล็งที่ดินอยู่ 2-3 แปลงในกรุงเทพฯอยู่ติดกับแนวรถไฟฟ้า BTS หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อพัฒนาโครงการใหม่เสริมรายได้ ซึ่งมองที่ย่านพหลโยธิน พระราม 4 และสุขุมวิท หากเป็นย่านสุขุมวิทจะได้กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ส่วนงบจัดซื้อที่ดินประกอบด้วยเงินทุนของบริษัท 50% และอีกครึ่งมาจากการกู้สถาบันการเงิน
สำหรับโครงการไฮด์ สุขุมวิท 13 ซึ่งสร้างเสร็จแล้วและลูกค้ารับโอนเรียบร้อย 80-90% ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หรือรับรู้รายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีรายได้อีกประมาณ 700-1,000 ล้านบาท โดยยังมีห้องขนาดใหญ่เหลือขายอยู่อีก 1 ห้อง พร้อมกับเปิดโครงการใหม่ ไฮด์ สุขุมวิท 11 โครงการคอนโดฯระดับลักชัวรี ราคาเริ่มต้น ตร.ม.ละประมาณ 1.5-1.85 แสนบาท ห้องชุดละ 5 ล้านบาท ซึ่งเปิดพรีเซลประมาณเดือนเศษ ทำยอดขายไปแล้ว 40% เป็นคนไทย 50% ต่างชาติ 50% ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
