การที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในปี 2564 หรือ 6 ปีโดยประมาณ นับจากนี้ ภาคธุรกิจต่างๆเริ่มขยับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึงรวมทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยทิศทางปีนี้หลายบริษัทเริ่มประกาศถึงรูปแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุให้ตลาดรับรู้ซึ่งการนำเสนอถือเป็นจุดขายใหม่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกับ ประหยัดพลังงานที่มีการนำเสนอมาก่อนหน้านี้
จุดขายเดิม
ที่ผ่านมา “จุดขาย” ที่ผู้ประกอบการมักนำมาเสนอเพื่อดึงความสนใจลูกค้ามีด้วยกัน 5 ประเภทหลักคือ
1.ทำเล คือจุดขายพื้นฐานของการพัฒนาโครงการหรือซื้อที่อยู่อาศัย เช่น ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ใกล้สถานีรถไฟฟ้า และบริเวณจุดตัดของรถไฟฟ้า
2.ราคา และ โปนโมชั่น ราคาคือจุดขายตั้งแต่เดิมของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนำเสนอมาใน 2 รูปแบบ 1.ราคาเมื่อเปรียบเทียบกับที่อยู่อาศัย 2.ดาวน์ช่วงอสังหาฯ เฟื่องฟู ข้อเสนอดาวน์ต่ำเป็นปัจจัยจูงใจผู้บริโภคไม่น้อย ทั้งนี้ราคามักผูกโยงกับโปรโมชั่นชนิดแยกกันไม่ออก
3.ในยุคที่การแข่งขันในตลาดอสังหาฯรุนแรง ดีไซน์กับพื้นที่ใช้สอยถูกมาใช้ ในการสร้างความแตกต่างทางการตลากมากขึ้น เช่นบ้าน สไตล์ลอฟท์ สไตล์รีสอร์ต หรือสไตล์สถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียง
4.ชุมชนหรือสังคม เป็นจุดขายที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นบมาใช้กับโครงการบ้านราคาแพงเสมือนเป็นหลักประกันให้คนตัดสินใจซื้อบ้านที่มีราคาแพงจะได้เพื่อนบ้านที่มาฐานะระดับเดียวกัน
5.ผลตอบแทนที่เป็นจุดขายที่ถูกนำมาใช้กับตลาดคอนโดมิเนียม เนื่องจากผู้ซื้อคอนโดฯกลุามหนึ่งเป็นนักลงทุน การนำเสนอผลตอบแทนที่จะได้รับจากการเช่าที่มากกว่าอัตราดอกเบี้ยสามารถดึงดูดลูกค้าได้ไม่น้อยเช่นกัน
จุกขายใหม่
การเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบใน 5 ปีข้างหน้าและคนรุ่นใหม่ที่ทมีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ส่งผลให้เกิด 2 จุด จุดขายใหม่ในวงการอสังหาฯ คือที่อยู่สำหรับผู้สูงอายุ และตลาดบ้านประหยัดพลังงาน
ปัจจุบันบริษัทอสังหาริมทรัพย์บางรายเริ่มหมายตาไปที่ “ตลาดผู้สูงวัย” เนื่องจากตลาดใหญ่ขึ้นๆและมีกำลังซื้อสูง หรือเสนอบ้านประหยัดพลังงาน เพื่อตอบสนอง “คนรุ่นใหม่” ที่มีสำนึกรับผิดชอบต่อธรรมชาติ ถึงวันนี้ผู้ประกอบการรายกลางและเล็กหลายแห่งเริ่มพัฒนาบ้านประหยัดพลังงานออกมาเสนอขายตลาดดังกล่าว
