“ประจิน” สั่งรื้อแผนลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 รวมโครงการสร้างรันเวย์ที่ 3 และอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สิริรวมมูลค่า 1.3-1.4 แสนล้าน ขณะที่ ทอท.กล้อมแกล้ม ระบุกระชับพื้นที่เฟส 2 ซึ่งเน้นก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ไวขึ้น โดยจะแล้วเสร็จปี 62 แต่แผนก่อสร้างรันเวย์ 3 และอาคารผู้โดยสารหลังใหม่จะล่าช้าออกไปอีก
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท. มีมติปรับแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใหม่ ทั้งโครงการพัฒนาสุวรรณภูมิระยะสอง (เฟสสอง) โครงการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) แห่งที่ 3 และโครงการก่อสร้างอาคารหลังที่ 2 มูลค่ารวมกว่า 130,000 – 140,000 ล้านบาท ตามที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ได้มีข้อเสนอแนะมา เพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม.เดิม รวมถึงสอดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง
สำหรับรายละเอียดการปรับแผนในโครงการสุวรรณภูมิระยะสอง วงเงิน 61,738 ล้านบาท จากเดิมคณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้แบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกเริ่มก่อสร้างเดือน มี.ค.59 ประกอบด้วย งานก่อสร้างลานจอดอากาศยานเพื่อรองรับอากาศยาน 28 หลุมจอด งานก่อสร้างอุโมงค์ส่วนขยาย และงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ส่วนระยะสอง เริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค.60 ได้แก่ งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 งานก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก งานก่อสร้างอาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก งานติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสาร แต่มติใหม่ให้รวมงานก่อสร้างทั้ง 2 ระยะเหลือเป็นระยะเดียว และเริ่มก่อสร้างพร้อมกันได้ตั้งแต่เดือน มี.ค.59 โดยจะแล้วเสร็จพร้อมกันในปี 62
ขณะที่โครงการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) เส้นที่ 3 วงเงิน 20,243 ล้านบาท เดิมทีบอร์ด ทอท.มีมติให้ก่อสร้างทางวิ่ง 2,900 เมตรไปก่อนและจะรอสร้างเพิ่มเป็น 3,700 เมตร หลังจากได้รับอนุมัติผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) แล้ว แต่มติใหม่เห็นชอบ ให้รอการศึกษาผลกระทบอีเอชไอเอก่อน เพื่อรอสร้างทางวิ่ง 3,700 เมตรไปทีเดียว ซึ่งจะส่งผลให้แผนการก่อสร้างอาจล่าช้า จากเดิมที่จะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 58 ไปเป็นอย่างเร็วในปี 60 หลังเสร็จอีเอชไอเอแทนและจะเปิดใช้ทางวิ่ง 3 ได้ในปี 62
ส่วนโครงการสุดท้าย การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สุวรรณภูมิ วงเงิน 27,684 ล้านบาท สำหรับรองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 20 ล้านคน เดิมมีมติให้เริ่มก่อสร้างได้ในปี 59 แต่เนื่องจากโครงการนี้ยังไม่ได้อยู่ในแผนแม่บทพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ประชุมจึงมีมติให้ปรับปรุงแผนแม่บทฯ ใหม่ ให้สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างอาคาร ซึ่งส่งผลให้แผนการก่อสร้างล่าช้าออกไป โดยเริ่มก่อสร้างได้ปี 61 และแล้วเสร็จในปี 63
นายนิตินัยกล่าวว่า การปรับแนวทางการลงทุนครั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอมา ซึ่งทางกระทรวงฯ เห็นว่าควรจะต้องทำให้เป็นไปตามมติ ครม.รวมถึงแผนแม่บทที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม การปรับแผนครั้งนี้ ในส่วนของสุวรรณภูมิเฟสสอง น่าจะเริ่มก่อสร้างและเสร็จเร็วขึ้น โดยใช้เวลาจัดหาผู้รับจ้างก่อสร้าง 9 เดือน ก่อสร้าง 33 เดือน และทดสอบระบบ 2 เดือน รวม 45 เดือน หรือเสร็จทั้งหมดในปี 62
“แต่การสร้างทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 นั้น กังวลว่าอาจล่าช้า เพราะต้องรออีเอชไอเอก่อนถึงเริ่มทำสัญญาได้ และยิ่งหากอีเอชไอเอมีปัญหา ก็จะล่าช้าออกไปอีก ที่สำคัญห่วงว่าจะกระทบต่อแผนการซ่อมบำรุงรันเวย์ใหญ่ ที่ต้องชะลอออกไป ทำให้ระหว่างนี้จะทำได้แค่ทยอยซ่อมแบบย่อยไปเรื่อยๆ ซึ่งกระทบต่อความสะดวกสบายในการให้บริการ แต่ไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัย แต่หลังจากนี้ ทอท.จะพยายามเร่งรัดหาแนวทาง เพื่อให้สามารถก่อสร้างทางวิ่งได้เร็วกว่านี้”
ส่วนโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 จะต้องรอบรรจุในแผนแม่บทก่อน ซึ่งที่ผ่านมายังมีหลายส่วนไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น การสร้างสุวรรณภูมิระยะสอง จะรองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคน ในปี 62 แต่ตอนนี้ผู้โดยสารเติบโตเร็วกว่าเดิมมาก จึงต้องมีการปรับปรุงแผนแม่บทใหม่ให้รองรับผู้ใช้บริการอย่างเพียงพอ”
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ