นางสาวอัญชลี เกษมสุขธวัช หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาโครงการที่พักอาศัยระดับไพร์ม บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เผยว่า “เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2562 ผนวกกับมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ลากยาวมาถึงปัจจุบัน และปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมมีการปรับตัวอย่างมาก โดยเจ้าของทรัพย์สินหลายรายต้องการขายทรัพย์สินของตนเพื่อเปลี่ยนวิธีการลงทุน บ้างก็ขายเพื่อเก็บเงินสดไว้ในมือ ส่งผลให้มีอุปทานคอนโดมิเนียมมือสองเพิ่มเข้ามาในตลาดมากกว่าปี 2562
ทางด้านอุปสงค์ของคอนโดมิเนียมมือสองยังคงทรงตัว มีปริมาณใกล้เคียงกับปี 2562 จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจหลายอย่างทำให้คอนโดมิเนียมมือสองมีการแข่งขันด้านราคาขายค่อนข้างสูง โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่ในปีนี้เป็นกลุ่มนักลงทุนชาวไทยที่มีศักยภาพ มีเงินเก็บ และรอโอกาสซื้อคอนโดมิเนียมมาตั้งแต่ปี 2562 กลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่มองเห็นว่าช่วงนี้คือโอกาสในการได้คอนโดที่ถูกใจในราคาที่ดีที่สุด เปลี่ยนจากการฝากประจำหรือลงทุนในหุ้นมาซื้อทรัพย์สินเพื่อการเช่าในระยะยาวแทน และบางกลุ่มต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง โดยต้องการขยายที่พักอาศัยให้มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัย
ทำเลของโครงการคอนโดมิเนียมมือสองที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็นบริเวณถนนสุขุมวิท ช่วงชิดลม-ทองหล่อ โดยยังมีการซื้อขายกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ระดับราคาขายอยู่ที่ประมาณ 180,000 – 320,000 บาท ต่อตารางเมตร
บริเวณเพชรบุรีตัดใหม่-พระรามเก้า ก็มีความคึกคักไม่แพ้กัน เพราะเป็นทำเลที่มีการคมนาคมสะดวกและเป็นแหล่งของออฟฟิศ สำนักงานชั้นนำมากมาย แต่ด้วยบริเวณนี้มีอุปทานคอนโดมิเนียมค่อนข้างเยอะ ผู้ประกอบการและนักลงทุนหลายรายปรับราคาขายลง มีการห่ำหั่นราคาระหว่างคอนโดมิเนียมมือหนึ่งและมือสอง เพื่อดึงดูดกำลังซื้อในกลุ่มลูกค้าทั้งอยู่อาศัยและซื้อเพื่อปล่อยเช่าให้จับต้องได้ง่ายขึ้น ส่วนคอนโดมิเนียมมือสองบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาระดับราคาขายยังคงที่ และมีการซื้อขายไม่มากนัก
ขณะที่บริเวณที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณจุตจักร-ลาดพร้าว-รัชดา เนื่องจากเป็นทำเลที่มีอุปทานคอนโดมิเนียมใหม่เข้ามาในปี 2563 ค่อนข้างเยอะ มีการทำโปรโมชั่นลดราคาอย่างหนัก จึงทำให้คอนโดมิเนียมมือสองต้องปรับตัวและลดราคาลงมาเช่นเดียวกัน ระดับราคาขายของคอนโดมือหนึ่งและมือสองในบริเวณนี้จึงใกล้เคียงกันมาก ผู้ซื้อตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมิเนียมมือหนึ่งมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าคาดว่ากำลังซื้อในตลาดคอนโดมิเนียมมือสองมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะในช่วงปลายปี 2563 เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากนักลงทุนต่างชาติที่สนใจลงทุนในตลาดระดับไพร์มในทำเลยอดนิยม ได้แก่ ชิดลมไปจนถึงทองหล่อถึงแม้ว่าการเดินทางของชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทยยังไม่สะดวกนัก แต่นักลงทุนต่างชาติจำนวนหนึ่งก็ตัดสินใจซื้อโดยที่ไม่ต้องมาดูห้องจริงและมีการซื้อขายอย่างต่อเนื่อง กลุ่มชาวต่างชาติเหล่านี้ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับประเทศไทย มีความรู้และความเข้าในการลงทุนอย่างดี
ปัจจัยบวกที่ต้องจับตามองหลังจากนี้คือนโยบายจากภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติให้กลับมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยมีเงื่อนไขพิเศษให้ตามที่ผู้ประกอบเสนอ เช่น โครงการ Elite Card ที่เสนอให้ชาวต่างชาติลงทุนในไทยจำนวนเงิน 5 – 10 ล้าน จะสามารถมีใบอนุญาตอยู่ในประเทศไทยได้ จากเดิมที่ต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และเสียค่าสมาชิก 5 แสนบาท สำหรับใบอนุญาต 5 ปี เป็นต้น ในขณะปัจจัยหลักที่ประมาทไม่ได้เลยคือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ รวมไปถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังคงน่าเป็นห่วง”