เศรษฐกิจไทยเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่จากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด
แถมไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทุกภาคส่วน จึงทำให้วิกฤตครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เล่นเอาผู้ประกอบการน้อยใหญ่แทบกระอักเลือดไปตามๆ กัน
ไล่มาตั้งแต่ภาคการท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบไปเต็มๆ และดูจะบาดเจ็บสาหัสมากที่สุด หลังการเดินทางทั้งโลกแทบหยุดชะงัก สนามบินถูกปิด สายการบินหยุดให้บริการ ต่อเนื่องไปถึงภาคการส่งออกที่การค้าขายระหว่างประเทศชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และการล็อกดาวน์ปิดประเทศ
อีกหนึ่งเซกเตอร์ที่โดนหางเลขไปด้วย คือ อสังหาริมทรัพย์ เพราะเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ทุกคนพยายามรัดเข็มขัดให้ได้มากที่สุด จากที่เคยวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ ตัดสินใจเลื่อนไปก่อน ขอกอดสภาพคล่องตุนเงินสดในมือไว้ให้มากที่สุด เพราะยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อไปอีกนานแค่ไหน
ปีก่อนว่าหนักแล้ว หลังตลาดอสังหาฯ ไทยติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ปี เนื่องจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายในหลายพื้นที่ รวมทั้ง เริ่มมีการใช้มาตรการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) แต่ดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนี้แล้วน่าจะสาหัสกว่าปีก่อนแน่นอน
เมื่อไม่มีกำลังซื้อ โครงการขายไม่ออก จึงได้เห็นผู้ประกอบการทุกค่ายจัดหนักจัดเต็ม อัดโปรโมชั่นกันอย่างเต็มทิ่ เร่งระบายสต๊อกสินค้าที่เหลืออยู่เพื่อนำเงินมาหมุนเวียน ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ต้องเลื่อนออกไปก่อน ส่งผลให้ยอดเปิดโครงการใหม่ปีนี้ลดลงฮวบฮาบ
โดยข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ยอดเปิดขายที่อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2563 มีทั้งหมด 68 โครงการ หรือ 15,932 ยูนิต ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29.6% ถือว่าน้อยที่สุดในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2554 ที่เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งเปิดขายโครงการไปเพียง 67 โครงการ 15,858 ยูนิต
สำหรับคนที่ยังพอมีกำลังซื้อช่วงนี้ถือเป็นโอกาสทอง เพราะดูแคมเปญของแต่ละค่ายแล้ว “ลด แลก แจก แถม” กันสุดๆ ไปเลย อย่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ถือว่าปรับตัวได้เร็ว หลังเห็นสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวมาตั้งแต่ต้นปี จึงเร่งเตรียมแผนธุรกิจรับมือ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงาน การลดค่าใช้จ่าย อัดโปรโมชั่น ทำกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มสูญ เพื่อให้มีกระแสเงินสดเข้ามาเร็วและมากที่สุด
ที่กลายเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์” แคมเปญอยู่ฟรี 2 ปี แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมาก จนดันยอดขายไตรมาส 1 ปี 2563 สูงถึง 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เรียกว่าโตสวนตลาดและมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม หรือ คิดเป็น 40% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 2.9 หมื่นล้านบาท
ส่วนค่ายอื่นๆ ไม่น้อยหน้า บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ใช้กลยุทธ์เดียวกัน “อยู่ฟรี 2 ปี” ในทุกโครงการ ควบคู่กับการลดราคาซึ่งจะมากจะน้อยพิจารณาเป็นรายโครงการไป บริษัทมองว่าแคมเปญที่ออกมาจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด และสอดคล้องกับสถาการณ์ ลูกค้าไม่ต้องกังวลภาระค่าผ่อนบ้านในช่วง 1-2 ปีนี้
บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ให้อยู่ฟรีไปเลย 30 เดือน สำหรับโครงการคอนโดฯ แถมบริษัทช่วยผ่อนเงินต้นและดอกเบี้ยแทนลูกค้าสูงสุด 30 เดือนแรก และมีส่วนลดให้สูงสุดอีก 2 ล้านบาท ส่วนโครงการแนวราบมีแคมเปญ “ปลอดดอก ออกต้น” โดยปลอดดอกเบี้ยนาน 1 ปี และมีเงินเพื่อใช้สำหรับผ่อนเงินต้นได้อีก 50,000-500,000 บาท ขึ้นกับระดับราคาบ้าน และผ่อนต่ำสุดเพียงล้านละ 1,000 บาทในปีแรก และล้านละ 2,000 บาทในปีที่ 2
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ให้อยู่ฟรีสูงสุด 24 เดือน หรือ 2 ปี บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ให้ลูกค้าที่จองบ้านและคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ได้อยู่ฟรี 12 เดือน
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้น แคมเปญยังมีอีกเยอะ เพราะแต่ละค่ายเร่งระบายสินค้ากันเต็มที่ เพื่อตุนเงินสดนำมาหล่อเลี้ยงธุรกิจ จ่ายเงินเดือนพนักงาน เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในบริษัท ส่วนจะขายได้มากได้น้อยคงต้องมาลุ้นกันอีกที
แต่ดูจากแนวโน้มแล้วครึ่งปีแรกยังเหนื่อย กำลังซื้อในประเทศไม่ได้ฟื้นง่ายๆ ส่วนลูกค้าต่างชาติกว่าจะกลับมาช้อปโครงการในบ้านเรา คงต้องรอให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติก่อน เชื่อว่าอย่างเร็วที่สุดการฟื้นตัวน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ที่มา : www.bangkokbiznews.com