วันนี้ที่ดินย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ราคาแพง และค่อนข้างหายาก ถ้าเป็นที่ดินที่ติดถนนสายหลัก ก็ยิ่งหาได้ยากขึ้นไปอีก ส่วนราคาไม่ต้องพูดถึงยิ่งทวีความแพง ยิ่งกระแสข่าวว่ากลุ่มเซ็นทรัล ยักษ์ใหญ่ศูนย์การค้ามีแนวโน้มสูงที่จะคว้าที่ดินสถานฑูตอังกฤษ 25 ไร่ บนถนนวิทยุไปครอง ด้วยราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ของวงการอสังหาริมทรัพย์ คือ เฉลี่ยตารางวาละ 2 ล้านบาท คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยนายปริญญ์ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ สามารถพัฒนาและต่อยอดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ และเซ็นทรัล ชิดลมได้อย่างดี
2 ที่ดินแปลงงามกลางเมืองในมือกลุ่มทุนใหญ่
สวนลุมไนท์ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ของกลุ่มไทยเบฟ หรือเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ชนะประมูลี่ดินหัวมุมถนนพระราม 4 หรือสวนลุมไนท์เดิม ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือเป็นที่ดินแปลงงามใจกลางเมือง ผืนใหญ่ขนาด 88 ไร่ แปลงสุดท้ายกลุ่มนายทุนยักษ์ใหญ่ได้ครอบครองไป โดยระยะสัญญาเช่า 30 ปี + 30 ปี ที่ดินสวนลุมไนท์กับแปลงสถานฑูตอังกฤษมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการแตกต่างกัน โดยที่ดินแปลงสวนลุมไนท์ขนาดเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ เหมาะที่จะพัฒนาโครงการเพื่อเช่า เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นพื้นที่เช่า หากพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ เชื่อว่ามีอัตราค่าเช่ามากกว่า 1500 บาทต่อตารางเมตร โดยปัจจุบันราคาค่าเช่าอาคารสำนักงานย่านสีลมอยู่ที่แระมาณ 900 บาทต่อรางเมตร
ที่ดินแปลงสถานฑูตอังกฤษเหมาะที่จะพัฒนาโครงการในทุกประเภท ยกเว้นอาคารสำนักงาน เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการลงทุนนาน ไม่สอดคล้องกับราคาที่ดินที่มีข่าวว่ามีการเสนอราคาสูงถึงกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวา หากพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ก็อาจทำราคาได้สูงถึงกว่า 5 แสนบาทต่อตารางเมตร ถ้าโครงการที่พัฒนามีคุณภาพสูงกว่าโครงการ 98 Wireless (ไนน์ตี้เอทไวร์เลส) ที่พัฒนาโดยบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ 7.2 แสนบาทต่อตารงเมตร
กลุ่มไทยเบฟและกลุ่มเซ็ฯทรัล สามารถพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสได้ตามแผน สำหรับกลุ่มเจ้าสัวเจริญ ถือเป็นการสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพ บนถนนพระราม 4 ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีโครงการขนาดใหญ่ที่พภัฒนาแล้เวเสร็จในย่านนี้ อีกทั้งยังยากจะเชื่อมต่อกับโครงการของกลุ่มไทยเบฟ ที่ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ ที่แยกคลองเตย หรือที่ดินซอยไผ่สิงห์โต ที่ยังไม่มีแผนพัฒนาโครงการเลยจนถึงขณะนี้
ด้านกลุ่มเซ็นทรัล ก็มีส่วนช่วยปลุกบริเวณสีแยกเพลินจิตให้เป็นย่านเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่ง ที่ครบเครื่องทั้งศูนย์การค้าชั้นนำ โรงแรม และที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ หลังจากเซ็นทรัล และกบุ่มธุระกิจย่านเพลินจิตพยายามจะปั้นสี่แยกเพลินจิตให้เป็นแหล่งช็อปปิ้งเทียบชั้นย่านปทุมวัน และราชประสงค์ ก็ต้องลุ้นกันต่อว่า 2 กลุ่มทุนยักษ์จะเดินเครื่องวันใด
แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 23 – 15 กุมภาพันธ์ 2560