ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า ณ ครึ่งปีแรก 2565

3367

นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 เริ่มมีการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า เนื่องจากอุปทานคอนโดที่เหลือน้อยในตลาด และนักพัฒนามีการจัดรายการส่งเสริมการขายอยู่ตลอดเพื่อลดจำนวนยูนิตเหลือขาย อย่างไรก็ตามพบว่าโครงการเปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวน 1 โครงการ คือ เฮย์หัวหิน ที่มีราคาขายเริ่มต้นประมาณ 1.39 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการฝั่งไม่ติดทะเล  แต่อย่างไรก็ตามยังไม่พบโครงการฝั่งติดทะเลเปิดใหม่ในครึ่งปีแรกถึงแม้ว่า อุปทานในตลาดจะเหลือน้อยก็ตาม ทั้งนี้จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูล พบว่าจะมีการเปิดตัวโครงการตึกสูงใหม่ ในไตรมาสที่ 3 ของ 2565 ซึ่งน่าจะเพิ่มภาวะการแข่งขันและความหลากหลายของตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณหัวหิน

อุปทาน

อุปทานสะสมของคอนโดมิเนียมบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า ก่อนปี 2551 ถึงครึ่งปีแรก 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 28,307 หน่วย โดยในครึ่งปีแรก 2565 มีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ จำนวน 1 โครงการ ประมาณ 252 หน่วย คือโครงการ เฮย์หัวหิน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ถนนเพชรเกษม ใกล้ๆ ถนนหัวนาทับใต้ อุปทานคอนโดมิเนียมโดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชะอำคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 57 รองลงมาคือบริเวณเขาตะเกียบและฝั่งไม่ติดทะเลมีอัตราร้อยละ 13 และ 12 ตามลำดับ อุปทานคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในบริเวณหัวหินคิดเป็นอัตราส่วนที่ร้อยละ 10 ส่วนคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในบริเวณเขาเต่าคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 8 โดยคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 55 และคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 45 ของอุปทานทั้งหมด

อุปสงค์

ในครึ่งปีแรก 2565 คอนโดมิเนียมบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า มีหน่วยขายแล้วทั้งสิ้น 22,344 หน่วย จากอุปทานทั้งหมด 28,307 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 79 โดยอัตราการขายปรับตัวดีขึ้นตัวเมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกของ 2565 มีหน่วยขายได้ทั้งสิ้น 1,773 หน่วย จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลพบว่า ภาพรวมจำนวนหน่วยเหลือขาย ณ ครึ่งปีแรกของ 2565  มีจำนวนประมาณ 5,963 หน่วย

โดยกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ยังคงเป็นผู้ซื้อหลักในปัจจุบันกว่า ร้อยละ 90 ทั้งนี้ ที่เหลือจะเป็นคนไทยในจังหวัดอื่นๆ อีก ร้อยละ 5 และต่างชาติอีกร้อยละ 5 ทั้งนี้อุปสงค์ค่อนข้างตอบรับได้ดีกับราคาขายเฉลี่ยที่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร ลงมาซึ่งมีอัตราการขายที่ค่อนข้างดีและเป็นโครงการที่ไม่เห็นทะเลเป็นส่วนมาก

คอนโดมิเนียมบริเวณเขาตะเกียบมีอัตราการขายสูงสุดในอัตราที่ร้อยละ 96 รองลงมาได้แก่คอนโดมิเนียมบริเวณ ฝั่งไม่ติดทะเลและเขาเต่า มีอัตราการขายที่ร้อยละ 93 และ 91 ตามลำดับ ในส่วนอัตราการขายบริเวณหัวหินและชะอำมีอัตราการขายที่ร้อยละ 88 และ 69 ตามลำดับ โดยบริเวณชะอำเป็นบริเวณที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายสูงสุดคือ 5,078 ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 85 ของอุปทานที่เหลือขายทั้งหมด ปัจจุบันที่ดินติดทะเลบริเวณหัวหินที่จะพัฒนาโครงการแทบไม่มีเหลือแล้ว ในส่วนของที่ดินที่ยังมีเหลือสำหรับการพัฒนาโครงการจะอยู่บริเวณชะอำแต่พื้นที่ในบริเวณโซนชะอำยังเป็นที่นิยมน้อยกว่าหัวหินเนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกหากเทียบกับคอนโดมิเนียมในหัวหิน ทั้งนี้พบว่ายังพอมีที่ดินติดทะเลเหลือให้พัฒนาในโซนเขาตะเกียบโดยเมื่อเทียบกับโครงการติดทะเลล่าสุดจะพบว่าห้องมีราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่ประมาณ 150,000 บาท ในส่วนพื้นที่บริเวณฝั่งภูเขาที่ไม่ติดทะเลยังมีพื้นที่เหลือให้พัฒนาโครงการอีกมาก และน่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนเนื่องจากอยู่โซนเขตตัวเมืองหัวหินและเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ และยังสามารถทำราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรได้ต่ำกว่า 100,000 บาท

Advertisement

ราคาขาย

ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้มีระดับราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 143,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1 จากปี 2564 โดยโครงการใหม่ที่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาขายต่อห้องเฉลี่ยสูงถึง 250,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 69,800 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายค่อนข้างทรงตัวและลดลงมาเล็กในอัตราร้อยละ 1.3 จากปี 2564 เนื่องจากโครงการที่ยังมีห้องว่างเหลือขายเกินร้อยละ 50 ซึ่งอยู่บริเวณโซนชะอำ ผู้ประกอบการยังคงจัดโปรโมชั้นและส่วนลดอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดการขายโครงการ และโครงการใหม่ที่ขึ้นฝั่งไม่ติดทะเลมีการทำราคาขายที่ประมาณ 52,000 บาทต่อตารางเมตร ทำให้ราคาเฉลี่ยโซนไม่เห็นทะเลนั้นปรับตัวลดลงเล็กน้อย

แนวโน้ม

ทิศทางตลาดคอนโดมิเนียมหัวหินในปี 2565 มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นและเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้นทำให้ยูนิตเหลือขายในตลาดลดน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโครงการติดทะเลที่มียูนิตเหลือขายไม่มาก และที่ดินในการพัฒนาโครงการติดทะเลในบริเวณตัวเมืองหัวหินหรือเขาตะเกียบก็เหลือน้อยและยากที่จะพัฒนาได้ ทั้งนี้หากมีการพัฒนาโครงการที่ติดทะเล ราคาขายจะมีทิศทางในการปรับตัวที่สูงขึ้น อาจจะมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงกว่า 150,000 บาท สืบเนื่องมาจากที่ดินที่เหลือน้อย และราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่โครงการบริเวณโซนชะอำ อาจจะต้องใช้เวลาในการระบายหน่วยเหลือขายซึ่งจะเห็นได้ในบางโครงการที่ราคาอาจจะปรับลง เนื่องมาจากอายุของคอนโดมิเนียม ในขณะที่โครงการที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในหัวหิน ณ ต้นปี 2565 ยังคงมีการจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดโครงการ สะท้อนให้เห็นว่าโครงการคอนโดมิเนียมบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาตะเกียบอยู่ในภาวะที่สมดุลทั้งในแง่อุปทานและอุปสงค์ ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าจะมีโครงการแนวสูงเปิดตัวใหม่ บริเวณสวนน้ำวานานาวา โดยมีจุดเด่นคือวิวจากห้องพักอาศัยที่เห็นทะเล ซึ่งจะเป็นอุปทานใหม่ของตลาดใน ครึ่งปีหลัง ของปี 2565 และน่าจะทำให้เกิดสีสันในตลาดคอนโดมิเนียมหัวหินพอสมควร จากการเปิดตัวของโครงการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มการการเพิ่มขึ้นของคอนโดมิเนียมกำลังขยายตัวไปยังบริเวณฝั่งที่ไม่ติดทะเลมากขึ้น เนื่องจากยังคงมีที่ดินเหลือให้พัฒนาอีกค่อนข้างมากและหากสามารถทำราคาขายรวมถึงการมีจุดเด่นของโครงการที่น่าสนใจอาจจะทำให้ผู้ซื้อให้การตอบรับที่ดีแก่โครงการมากขึ้น

Advertisement
Haus23
Haus23
Haus23