ร่าง พ.ร.บ.เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กฎหมายสำคัญของรัฐบาล คสช. ซึ่งติดค้างลำกล้องมานานกว่า 2 ปี
จะถูกนำกลับมาลงมติเห็นชอบวาระ 2 และวาระ 3 ในการประชุม สนช. ในวันที่ 15 เดือนนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน!!
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า แม้ พ.ร.บ.เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่จะคลอดออกมาประกาศใช้ภายในสิ้นปีนี้ก็ตาม
แต่จะเลื่อนเวลาบังคับใช้ออกไปอีก 1 ปี
โดยจะเริ่มเก็บภาษีจริงๆจังๆ ตั้งแต่“วันที่ 1 มกราคม 2563” เป็นต้นไป
เพื่อให้เวลาประชาชนเตรียมทำใจและเตรียมจ่ายภาษีอีก 12 เดือน
นอกจากเลื่อนการจัดเก็บภาษีออกไปอีก 1 ปี ยังมีการลดอัตราภาษีที่รัฐบาลกำหนดไว้เดิมทุกประเภทที่ดิน
ข้อสำคัญยังเพิ่มโปรโมชันพิเศษสำหรับผู้ที่มีที่ดินราคาประเมินไม่เกิน 50 ล้านบาท และผู้มีบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องจ่ายภาษีที่ดินตลอดไป
และยกเว้นไม่เก็บภาษีสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์สินเพื่อใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรมอีก 3 ปี
ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในข่ายต้องจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจึงเป็นกลุ่มท่านเจ้าสัว อภิมหาเศรษฐีที่ถือครองที่ดินแปลงใหญ่ๆ หรือเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังโตมโหฬารจะต้องถูกเก็บภาษีที่ดินฯ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมลํ้าในสังคมไทย
ส่วนผู้ที่ได้ประโยชน์จาก พ.ร.บ.เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับนี้โดยตรงคือ “รัฐบาล” ที่จะมีรายได้เพิ่มอีกก้อนใหญ่ไปลดภาระงบประมาณขาดดุลติดลบตัวแดง
คาดว่าเมื่อ พ.ร.บ.เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับนี้บังคับใช้จะทำให้องค์กรปกครองท้องถิ่นมีรายได้ไม่ตํ่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี
เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวในเวลา 3 ปีจากนี้ไป
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าสาเหตุที่ร่าง พ.ร.บ.เก็บภาษีที่ดินฯถูกดองเค็มเป็นหัวไชโป๊มาถึง 2 ปี เพราะร่าง พ.ร.บ.เก็บภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้าส่งผลกระทบท่านเจ้าสัวอภิมหาเศรษฐีผู้มีอุปการคุณของเครือข่ายแม่น้ำห้าสายของ คสช.
จึงต้องลดอัตราภาษีที่ดินให้ต่ำลงอีก 40 เปอร์เซ็นต์!!
สรุปย่อๆเป็นแซมเปิลที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะเก็บเฉพาะแปลงใหญ่ราคาประเมินเกิน 100 ล้านบาทขึ้นไป
เจ้าของที่ดินจะถูกเก็บภาษี 1 หมื่นบาทต่อปี
สิ่งปลูกสร้างที่ประเมินราคาเกิน 100 ล้านบาทขึ้นไป
ต้องจ่ายภาษี 2 หมื่นบาทต่อปี
ส่วนที่ดินเพื่อการธุรกิจการค้า มูลค่า 50 ล้านบาทถึง 200 ล้านบาท อัตราใหม่เก็บภาษี 0.4 เปอร์เซ็นต์ของราคา
ถ้าเกิน 200 ล้านบาทจ่ายเพิ่มเป็น 0.5 เปอร์เซ็นต์
ที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่กว้านซื้อเก็บไว้เก็งกำไรไม่ได้ใช้ประโยชน์จากที่ดิน ต้องจ่ายภาษีเริ่มจาก 0.3 เปอร์เซ็นต์
และเก็บสูงสุดไม่เกินเพดาน 3 เปอร์เซ็นต์
ดูในภาพรวมอัตราภาษีที่จะจัดเก็บก็พอท้วมๆ ไม่ได้สูงเว่อร์จนน่าตกใจ
อ้อ…ที่ดินสิ่งปลูกสร้างของรัฐ ทรัพย์สินส่วนกลางนิติบุคคล ที่ดินวัดวาอาราม โบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญ ที่ดินสำนักงาน องค์การระหว่างประเทศ และที่ดินทรัพย์สินเอกชนที่ใช้ประโยชน์สาธารณะ ฯลฯ
ได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษีแม้แต่บาทเดียว
ที่มา : ไทยรัฐ