การลงทุนภาคเอกชนในอสังหาฯเชิงพาณิชย์ทำสถิติสูงสุดในปี 2564 โดยมีการลงทุนเพิ่มขึ้น 52%

4168
Finance and Investment concept.Money management and Financial chart.blur focus

การลงทุนภาคเอกชนในอสังหาฯ เชิงพาณิชย์มีมูลค่ารวม405 พันล้านดอลลาร์ในปี2564 ซึ่งเพิ่มขึ้น52% จากปีก่อนหน้าและสูงกว่าค่าเฉลี่ยจากช่วง 5ปีก่อนเกิดโควิด-19 ถึง 38% ตามรายงานความมั่งคั่ง (Wealth Report) ล่าสุดของไนท์แฟรงค์

แบบสำรวจ Knight Frank Attitudes Survey เผยว่า หนึ่งในสี่(23%) ของเหล่าผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงเป็นพิเศษวางแผนการลงทุนโดยตรงในภาคอสังหาฯเชิงพาณิชย์ในปี 2565 ขณะที่ 20% ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่าพวกเขาจะลงทุนผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)กองทุนตราสารหนี้ และกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม (ECOFunding)

ในภาคการลงทุนเอกชนจะมุ่งเน้นไปยังสินทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานเป็นหลัก(43%) รองลงมาคือประเภทอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์(17%) และที่อยู่อาศัย(16%)

กลุ่มนักลงทุนที่มีความมั่งคั่ง(UHNWIs)กำลังมองหาแหล่งการกระจายการลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆโดยให้ความสนใจไปที่ภาคส่วนเฉพาะทางต่างๆโดยเฉพาะการลงทุนในด้านสุขภาพ(40%) ชีวิตหลังวัยเกษียณ(28%) ด้านเทคโนโลยี(26%) และชีววิทยาศาสตร์ (23%)

อเล็กซ์ เจมส์, หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาอสังหาฯเชิงพาณิชย์ของไนท์แฟรงค์ กล่าวว่า ในปี2564 กลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งยังคงเห็นตรงกันว่าอสังหาฯเชิงพาณิชย์จัดเป็นการลงทุนที่มีความยืดหยุ่น

Advertisement

เราคาดการณ์ว่าความต้องการของนักลงทุนจะยังคงแข็งแกร่งในปี 2565 โดยจะให้ความสนใจไปที่สินทรัพย์พื้นฐานอย่างอาคารสำนักงานและให้ความสำคัญกับการลงทุนธุรกิจด้านอื่นมากขึ้นเช่นธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพวัยเกษียณทคโนโลยีและชีววิทยาศาสตร์

การให้ความสำคัญกับเรื่องESG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสิ่งแวดล้อมจะยังคงมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ความต้องการอาคารรักษ์โลกเพิ่มมากขึ้นและทำให้เกิดการนำอาคารเก่ามาปรับปรุงเป็นอาคารใหม่

วิล แมตทิวส์, หัวหน้าฝ่ายวิจัยเชิงพาณิชย์ของไนท์แฟรงค์ กล่าวเสริมว่า ในปี2564 ก็เป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดอสังหาฯเชิงพาณิชย์คึกคักเป็นอย่างมากและดูเหมือนว่าในปี2565จะเป็นอีกปีที่การลงทุนในอสังหาฯเชิงพาณิชย์มีแนวโน้มที่ดีโดยการลงทุนภาคเอกชนของต่างชาติคาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วน1ใน 4ของการลงทุนทั้งหมด

 ผลการวิจัยของเราระบุว่า ปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่กระตุ้นการลงทุนน่าจะเป็นการลงทุนในระบบพลังงานสะอาดเงินเฟ้อและการหมุนเวียนสินทรัพย์โดยนักลงทุนจำนวนมากกำลังมองหาโอกาสในตลาด ด้วยการขายสินทรัพย์ปัจจุบันและการลงทุนนส่วนอื่นๆ

เมื่อใช้แบบจำลองแนวโน้มของเงินทุนในปีนี้รายงานความมั่งคั่งของไนท์แฟรงค์คาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2565 การลงทุนจากต่างชาติทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ (Inbound and outbound) ในภาคอสังหาฯเชิงพาณิชย์ สหรัฐฯ จะเป็นแหล่งทุนภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในปี2565 คิดเป็นสัดส่วน74% ของทุนทั้งหมดทั่วโลก

นอกจากนี้นักลงทุนเอกชนจากสหราชอาณาจักรแคนาดาสวิสเซอร์แลนด์สเปนจีนและอิสราเอลมีแนวโน้มว่าจะมีการลงทุนมากเป็นพิเศษ

**หมายเหตุ: สถิติตัวเลขข้างต้นอ้างอิงตามกระแสเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น และอาจไม่ได้แสดงถึงกระแสการเข้าหรือออกจากแต่ละตลาดทั้งหมด

สามารถอ่านรายงานฉบับเต็มเพิ่มเติมได้ที่ https://www.knightfrankthailand.com/register/wealth-report/

Advertisement
Haus23
Haus23
Haus23