รถไฟฟ้าสายสีทอง ล้อยางบนรางปูนไร้คนขับ สายแรกของไทย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสายที่จะเชื่อมจากสถานีรถไฟฟ้า BTS กรุงธนบุรี ไปยังห้างสรรพสินค้า ICONSIAM และอนาคตสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วงส่วนต่อขยายโดยจะเริ่มให้บริการในเดือนตุลาคม 2563 นี้
โครงการ รถไฟฟ้าสายสีทอง เป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดรองที่กรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งแบ่งดำเนินการในระยะที่ 1 มีจำนวน 3 สถานี คือ สถานีกรุงธนบุรี (GN1) สถานีเจริญนคร (GN2) และสถานีคลองสาน (GN3) ระยะทาง 1.80 กิโลเมตร
โดยอัตราค่าโดยสารตามที่ศึกษาไว้ คือ จัดเก็บที่ 15 บาทตลอดสาย คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร ในปีแรกที่เปิดให้บริการที่ 42,260 เที่ยว-คน/วัน
โครงการ รถไฟฟ้าสายสีทอง ถือเป็น Feeder (ระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง) ที่ใช้รูปแบบรถที่มีขนาดกะทัดรัด โดยเลือกใช้รถไฟฟ้า Automated People Mover – APM (ระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็น Feeder (ระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง) ที่มีประสิทธิภาพที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนในทุกโหมดไม่ว่าจะเป็นระบบรางสายหลักของรถไฟฟ้าสายสีเขียวโดยเชื่อมต่อกัน ที่สถานีกรุงธนบุรี
ผู้โดยสารที่ใช้บัตรแรบบิทสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีทองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
นอกจากนี้รถไฟฟ้าสายสีทองยังเชื่อมต่อกับรถโดยสารประจำทางในพื้นที่ย่านคลองสานรวมทั้งเชื่อมต่อการเดินทางในเส้นทางเดินเรือแม่น้ำเจ้าพระยา และในอนาคตยังเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-บางบอน-ราษฎร์บูรณะ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ อีกด้วย
นายมานิต เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) เคยระบุไว้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 63 ว่า โครงการนี้ไม่มีการใช้งบประมาณจากทางราชการ เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐ และเอกชน ซึ่งเป็นประโยชน์แก่รัฐ มีลักษณะคล้ายกับการดำเนินการระบบขนส่งมวลชนบางเส้นทางในประเทศญี่ปุ่น
ล่าสุด พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ขณะนี้ การก่อสร้างโครงการฯ คืบหน้าแล้วร้อยละ 95 และอยู่ระหว่างการทดสอบระบบการเดินรถ โดยคาดว่าจะพร้อมให้บริการเดินรถแก่ประชาชนในเดือนตุลาคม 2563”
สำหรับ สถานที่สำคัญที่ประชาชนไปใช้บริการจำนวนมาก เช่น โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ล้ง 1919 ไอคอนสยาม รวมถึงสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา และยังเชื่อมต่อกับย่านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ได้มากขึ้นอีกด้วย
ที่มา : www.businesstoday.co